การปฏิบัติการ
อาร์กติก ซันไรส์เริ่มทำงานกับกรีนพีซในการรณรงค์ที่สถานีเก็บน้ำมันเบรนท์ สปาร์ ที่ซึ่งเรือลำนี้ได้ถูกใช้เพื่อยับยั้งการทิ้งอุปกรณ์ติดตั้งสถานีเก็บน้ำมันลงในทะเล
อาร์กติก ซันไรส์ได้กลายเป็นเรือลำแรกที่ได้ออกสำรวจสภาพเกาะเจมส์ รอสในทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ จนกระทั่งก้อนน้ำแข็งใหญ่หนา 200 เมตรที่เชื่อมต่อเกาะเจมส์ รอสเข้ากับแอนตาร์กติกาได้พังทลายลง นี่เป็นเพียงหนึ่งในสัญญาณของภาวะโลกร้อนที่อาร์กติก ซันไรส์ได้ช่วยบันทึกเหตุการณ์เอาไว้
อาร์กติก ซันไรส์ได้กลับไปเยือนแอนตาร์กติกาอีกหลายต่อหลายครั้งเพื่อต่อต้านโครงการนอร์ธสตาร์ของบริษัทบริติช ปิโตรเลียมที่จะเริ่มการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งซึ่งจะทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมัน และเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคอันบอบบางนี้ และยังทำให้ภาวะโลกร้อนย่ำแย่ขึ้นไปอีก
ในมหาสมุทรตอนใต้ เรือลำนี้ได้ประสบความสำเร็จในการขัดขวางความพยายามของญี่ปุ่นในการเดินหน้าสิ่งที่เรียกกันว่าโครงการล่าวาฬ "เพื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์" และได้ขับไล่เรือกะลาสีที่จับปลา ทูธฟิช (Toothfish) อย่างผิดกฎหมายในเขตภูมิภาคพาทาโกเนียไปจนมุมที่ท่าเรือกะลาสีที่ใหญ่ที่สุด ณ หมู่เกาะเมาริเชียส ทวีปแอฟริกา
แม้จะพยายามแล่นเรือหลบหลีกเข้าไปสู่เส้นทางของจรวดมิสซายแต่ก็ไม่สามารถทำให้สหรัฐอเมริกาหยุดเดินหน้าการทดลองระบบป้องกันประเทศด้วยจรวดมิสซายที่ชื่อ สตาร์ วอ โดยขู่ว่าจะจุดชนวนอาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพใหม่ทั้งหลาย
โชคดีที่เรืออาร์กติก ซันไรส์รอดพ้นอันตรายมาได้ ทำให้มาบอกกล่าวตำนานแก่เรา จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังอาร์เจนตินาเพื่อเริ่มการเดินทางต่อต้านสารพิษในละติน อเมริกาในพ.ศ.2541