สถานะ ชะลอโครงการ
เมื่อปลายปี 2551 มีกระแสข่าวการเกิดขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ละแม จังหวัดชุมพร ประชาชนในพื้นที่จึงรวมตัวกันคัดค้านจนกระทั่งโครงการถูกยุติการดำเนินการไปขณะหนึ่ง ต่อมาต้นปี 2553 ทีมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงพื้นที่ในอำเภอละแม เพื่อเดินเครื่องมวลชนสัมพันธ์ ให้ข้อมูลผลดีของการสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน จนกระทั่งสร้างความหวาดระแวงและความขัดแย้งในพื้นที่อำเภอละแม จึงเกิดการรวมตัวของประชาชน เป็น “เครือข่ายรักษ์ละแม”
ทีมเครือข่ายรักษ์ละแม ได้มีมติร่วมกันที่จัดเวทีสาธารณะในวันที่ 30 สิงหาคม 2553 โดยจัดชุมนุมใหญ่ ณ สนามหน้าอำเภอละแม มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 5,000 คน โดยแสดงออกพลังประชาชนในการคัดค้านไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์ : เราต้องการแผนพัฒนาภาคใต้ที่ยั่งยืน ในพื้นที่อำเภอละแม และพื้นที่อื่นในจังหวัดชุมพร รวมทั้งอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยรวบรวมรายชื่อคัดค้าน ได้มากกว่า 8,000 รายชื่อ ระดมทุนทรัพยากรในการเคลื่อนไหวคัดค้าน และยื่นข้อเสนอคัดค้านการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และลงนามสัตยาบันร่วมคัดค้านไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์ของผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ทั้ง 5 ท้องถิ่น ประกอบด้วย นายก อบต.ละแม นายก อบต.สวนแตง นายก อบต.ทุ่งหลวง นายก อบต.ทุ่งคาวัด นายเทศมนตรีเทศบาลตำบลละแม
นอกจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังมีโครงการจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ในพื้นที่หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยชี้แจงว่า จะนำเข้าถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลีย ป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้าถ่านหินมีจำนวน 4 เครื่อง ขนาดกำลังผลิตเครื่องละ 700 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 2,800 เมกะวัตต์
เมื่อประชาชนในพื้นที่ทราบเรื่องจึงได้รวมตัวกันประมาณ 700 คน เดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินดังกล่าวต่อนายอำเภอปะทิว และผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรในวันที่ 2 ตุลาคม 2551 เนื่องจากพื้นที่ที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ใกล้กับอ่าวยายไอ๋ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นที่มีชื่อเสียงของอำเภอปะทิวและยังเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้านอีกด้วย หากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในบริเวณดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่เป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่คงไม่สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้
ทางด้านกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งชี้แจงว่า หากมีการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นคือ ในเรื่องของตะกอนในระยะของการก่อสร้าง หากไม่มีการดำเนินการเพื่อป้องกันปริมาณตะกอนจากกิจกรรมที่ดำเนินการบนฝั่ง ก็จะเกิดปัญหาตะกอนลงน้ำทะเลชายฝั่ง มีผลกระทบต่อทั้งคุณภาพน้ำ ปะการัง สัตว์น้ำวัยอ่อน สัตว์หน้าดิน และความสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ การเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำชายฝั่งบางประการ หากการดำเนินการโดยไม่มีมาตรการจัดการป้องกันที่ดี หรือการดำเนินการเพื่อป้องกันความสกปรก การปนเปื้อน การชะล้างของน้ำจืดลงทะเล ตลอดจนขยะและคราบน้ำมันต่างๆ ก็จะส่งผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทำให้คุณภาพน้ำชายฝั่งเสื่อมโทรมลง มีผลเสียต่อระบบนิเวศชายฝั่ง และควรมีการศึกษาการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างในทะเลและผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นในเชิงวิศวกรรมทางทะเล เพราะปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอันเนื่องมาจากสิ่งก่อสร้างที่ล่วงล้ำลำน้ำในทะเลยังคงเป็นประเด็นที่ควรพิจารณา และควรมีการศึกษาในเชิงยุทธศาสตร์ก่อนเพราะแม้พื้นที่จะมีความเหมาะสมเพราะมีร่องน้ำลึก แต่จะเกิดผลกระทบเป็นอย่างมากต่อทรัพยากรธรรมชาติ และวิถีชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น