ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเหมืองทะเลลึก


ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเหมืองทะเลลึก
เหมืองทะเลลึก คือการนำเอาแร่ธาตุจากก้นทะเลที่ลึกลงไปกว่าพันๆเมตร ซึ่งจะทำลายทั้งระบบนิเวศและความสามารถในการรักษาสมดุลสภาพภูมิอากาศของมหาสมุทร ในหน้านี้ เราจะอธิบายให้ฟังว่าเหมืองทะเลลึกคืออะไร กระทบต่อระบบนิเวศมหาสมุทรอย่างไร กระบวนการปัจจุบันไปถึงไหน และเราทำอะไรได้บ้างในการปกป้องมหาสมุทร
เหมืองทะเลลึกคืออะไร ?
เหมืองทะเลลึกคือการนำเอาแร่ธาตุจากก้นทะเลลึกมาใช้ โดยแร่เหล่านี้อยู่ลึกลงไปจากผิวน้ำกว่าพันเมตร ซึ่งมีแร่ธาตุอยู่จำนวนมาก เช่น แมงกานีส นิกเกิล และโคบอลต์ ทับทมกันในทะเลเป็นล้าน ๆ ปี จนรวมเป็นก้อนขนาดเท่ามันฝรั่ง
การจะนำแร่เหล่านี้มาใช้ บริษัทอุตสาหกรรมต้องส่งเครื่องจักรขนาดใหญ่ลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทร และส่งแร่ผ่านท่อที่ยาวหลายกิโลเมตรขึ้นมาบนเรือ แน่นอนว่าทราย น้ำทะเล และแร่ธาตุอื่นๆก็จะถูกดูดขึ้นมาด้วย
เหมืองทะเลลึกเป็นอุตสาหกรรมใหม่ มีการทดสอบเพียงไม่กี่ครั้ง ปัจจุบันยังไม่มีการอนุญาตให้ทำเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ดี บริษัทอุตสาหกรรมกำลังผลักดันให้สามารถมีการทำเหมืองทะเลลึกเชิงพาณิชย์ให้ได้
ปัญหาของการทำเหมืองทะเลลึก
ปัญหาหลักของเหมืองทะเลลึกก็เหมือนกับการทำเหมืองบนบกคือ มันทำลายสิ่งแวดล้อม แต่การทำเหมืองทะเลลึกจะเสี่ยงมากกว่า เพราะผลกระทบของมันไม่สามารถคาดการณ์ได้ และอาจไปไกลกว่าแค่พื้นที่ที่มีการทำเมือง
มหาสมุทรเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาสมดุลสภาพภูมิอากาศ แต่ปัจจุบันมหาสมุทรกำลังเผชิญหน้ากับหลากหลายภัยคุกคามอยู่แล้ว ทั้งจากประมงทำลายล้าง หรือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เหมืองทะเลลึกจึงยิ่งจะเพิ่มปัญหาให้กับมหาสมุทรมากขึ้นไปอีก
ภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
ปัจจุบัน บริษัทอุตสาหกรรมที่จะทำเหมือง ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการทำเหมืองจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่จะถูกส่งลงใต้ก้นมหาสมุทร จะก่อให้เกิดตะกอนฟุ้งกระจาย แค่นี้ก็จะสร้างมลพิษในมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างมหาศาลแล้ว การฟุ้งกระจายของตะกอนมันสามารถกระจายไปหลายไมล์ และจะกระทบชีวิตสิ่งมีชีวิตในทะเลจำนวนมาก
เสียงที่เกิดจากการทำเหมืองทะเลลึก จะรบกวนการสื่อสารของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล

นอกจากนี้ชุมชนชายฝั่งทะเลในประเทศกำลังพัฒนาต้องกลายเป็นกลุ่มแรกๆที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง
การศึกษาทางวิชาการพบว่ามีโอกาสสูงมากที่เหมืองทะเลลึกจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ทะเลลึก ผลที่ตามมาคือชุมชนชายฝั่งและประเทศที่อยู่อาศัยโดยพึ่งพิงทรัพยากรจากมหาสมุทรแปซิฟิก ก็จะได้รับผลกระทบตามไปได้ เหมืองทะเลลึกจะทำลายสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล นั่นก็คือทำลายอาหารของชุมชนพื้นเมืองในมหาสมุทรแปซิฟิก
การทำเหมืองจะทำลายระบบนิเวศและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ระบบนิเวศเหล่านี้มีความสำคัญต่อโลก และยังมีเรื่องที่เราต้องศึกษาอีกมาก นอกจากนี้ ใต้ทะเลลึกยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมาก
ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ
ทะเลลึกสำคัญต่อการชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มันช่วยดูดซับและกักเก็บความร้อนส่วนเกินมากกว่าร้อยละ 90 และเกือบร้อยละ 40 คือคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ การที่เหมืองทะเลลึกไปรบกวนระบบกักเก็บความร้อนนี้จะมีผลอย่างมหาศาลต่อสภาพภูมิอากาศของโลก
โครงการเหมืองทะเลลึก ปัจจุบันถึงไหนแล้ว ?
ปัจจุบันบริษัทในซีกโลกเหนือกำลังร่วมมือกับรัฐบาล ผลักดันให้มีการอนุมัติโครงการเหมืองทะเลลึกเชิงพาณิชย์
ถึงแม้ตอนนี้บริษัทจะเริ่มทดสอบทำเหมืองแล้ว แต่ยังไม่มีการอนุมัติให้ทำเหมืองทะเลลึกลึกเชิงพาณิชย์ โดยองค์การก้นทะเลระหว่างประเทศ (The International Seabed Authority หรือ ISA) ได้ออกใบอนุญาต 31 ฉบับให้มีการศึกษาค้นคว้าได้ โดยกำหนดพื้นที่ให้มีการทดลอง 1.5 ล้านตารางกิโลเมตร
สัญญาเหล่านี้อนุญาตให้มีการค้นคว้าในพื้นที่ที่เรียกว่า the Clarion-Clipperton Zone (CCZ) เป็นพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อยู่ระหว่างฮาวายและประเทศเม็กซิโก โดยในบริเวณนี้อุดมไปด้วย ทองแดง นิกเกิล แมงกานีส และแร่อื่นๆ ที่อยู่ใต้ก้นทะเล

องค์กรที่มีหน้าที่ดูแลพื้นทะเล คือ องค์การก้นทะเลระหว่างประเทศ ซึ่งก่อตั้งในปี 2537 ด้วยอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล
แต่ในปี 2564 รัฐบาลนาอูรูประกาศว่าได้ร่วมกับบริษัทเหมืองสัญชาติแคนาดา ซึ่งคำประกาศดังกล่าวเป็นการบังคับใช้ “กฎสองปี”ทำให้ภายในเดือนกรกฎาคม 2566 จะสามารถทำเหมืองทะเลลึกได้โดยใช้กฎอะไรก็ได้ที่มีอยู่
การประชุมองค์การก้นทะเลระหว่างประเทศที่ประเทศจาเมกาเมื่อปี 2566 คือการพยายามหาข้อตกลงในการทำเหมือง อย่างไรก็ตามมีเสียงคัดค้าน ทำให้ยังไม่สามารถหาข้อตกลงได้ องค์การก้นทะเลระหว่างประเทศจึงยังคงพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงในการประชุมปีหน้า
เจ้าหน้าที่ของ ISA เหมือนจะกำลังพยายามอนุมัติให้มีการทำเหมืองทะเลลึกเชิงพาณิชย์ ขณะที่บริษัทอุตสาหกรรมอ้างว่า การทำเหมืองจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทั้งนี้ รายงานของกรีนพีซ สากล ระบุว่า ที่สุดแล้วผลประโยชน์จากการทำเหมืองจะไปตกอยู่แค่บางประเทศและบริษัทเท่านั้น
ใครค้านเหมืองทะเลลึกบ้าง
ปัจจุบัน ทั้งองค์กรนานาชาติและอีกหลายๆประเทศ เริ่มมีการต่อต้านการทำเหมืองทะเลลึก
- BMW, Volvo, Google, Samsung เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ค้านการทำเหมืองทะเลลึก
- รัฐบาลฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน และนิวซีแลนด์ เรียกร้องให้ระงับการทำเหมืองชั่วคราว
- นักวิทยาศาสตร์กว่า 700 คน จาก 44 ประเทศ ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ชะลอเหมืองทะเลลึก
- กรีนพีซ เป็นหนึ่งในภาคประชาสังคมที่รณรงค์เรียกร้องให้ยุติการทำเหมือง