รัฐบาลไทยต้องหยุดฟอกเขียว! เพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อการเข้าถึงอาหาร น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ และการพังทลายของระบบนิเวศ
ซ้ำร้าย แผน Net Zero และความเป็นกลางทางคาร์บอนกลายเป็นเครื่องมือของชนชั้นนำและอุตสาหกรรมฟอสซิลเพื่อแก้ปัญหาเทียมรวมถึงเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน(Carbon Capture and Storage) และการชดเชยคาร์บอน(Carbon Offset) โดยที่อุตสาหกรรมฟอสซิลและผู้ก่อมลพิษยังเดินหน้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไปได้
มาร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังในเชิงโครงสร้าง เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยและเป็นธรรมสำหรับเราทุกคน

-

รายงานล่าสุดเผย แอมะซอน มีมลพิษทางอากาศรุนแรงกว่าหลายมหานครทั่วโลก
มาเนาส์, บราซิล, 4 พฤศจิกายน 2568 – รายงานล่าสุดของกรีนพีซ สากล เปิดเผยว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ใจกลางผืนป่าแอมะซอนกำลังเผชิญกับมลพิษทางอากาศรุนแรงกว่าผู้คนในมหานครอย่างเซาเปาโล ปักกิ่ง หรือแม้แต่ลอนดอน โดยสาเหตุหลักมาจากไฟป่าที่ถูกจุดขึ้นโดยเจตนา เพื่อเคลียร์พื้นที่ป่าทำปศุสัตว์ และเผาปรับสภาพทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์[1]
-

แผนลดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้า เสี่ยงซ้ำเติมวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และขัดขวางความพยายามของโลกในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C
และขัดขวางความพยายามของโลกในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C
-

เรายังพูดอะไรได้บ้าง? ในวันที่อำนาจบริษัทปิดปากคนที่พูดเพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ (Mattet of Public Interest)
กรีนพีซ ประเทศไทย หยิบยกประเด็นเสรีภาพที่ถูกปิดกั้นนี้มาชวนทุกคนร่วมหาคำตอบเมื่อ 4 ตุลาคม 2568 ผ่านเวทีสนทนาในประเด็น ‘SLAPP กับความยุติธรรมที่หายไป (Voices on Trial: Defending the Right to Defend)’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Bangkok Climate Action Week (BKKCAW) ที่กรีนพีซต้องการสะท้อนให้เห็นถึง โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน ขณะที่ 1% ก่อ 99% เจ็บ โดยที่ 1% ของกลุ่มผู้มีอำนาจนั้น สามารถใช้อำนาจที่มิชอบผ่านกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายมาสร้างความชอบธรรมในการริดรอนสิทธิของประชาชน 99% ได้