สถานะ ชะลอโครงการ

เมื่อเดือนกันยายน 2544 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(สพช.) ได้อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าไปใช้โดยไม่ต้องมีการประมูล โดยมีเงื่อนไขกำหนดให้ กฟผ. จัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ในการพัฒนาแหล่งถ่านหินเวียงแหง หากรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว ให้ กฟผ. นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

พื้นที่ตั้งของโครงการเหมืองถ่านหินเวียงแหง อยู่ห่างจากตัวอำเภอเวียงแหงเพียง 7 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 9 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 8 หมู่บ้าน ในเขตพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ บ้านกองลม ต.เมืองแหง บ้านปางป๋อ บ้านม่วงป๊อก บ้านมหาธาตุ บ้านสามปู ต.แสนไห บ้านจอง บ้านม่วงเครือ บ้านห้วยไคร้ ต.เปียงหลวง โดยพื้นที่ของโครงการเหมืองถ่านหินบางส่วนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและป่าลุ่มน้ำฝาง และเส้นทางขนส่งหน้าดินและถ่านหินลิกไนต์บางช่วงอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ การดำเนินการทำเหมืองแร่ถ่านหินเวียงแหงจะใช้วิธีทำเหมืองเปิด โดยการขุดเปิดเปลือกดิน แล้วขนไปยังที่ทิ้งดินที่กำหนดไว้ แล้วจึงขุดตักถ่านหินไปใช้ประโยชน์ ซึ่งผลการศึกษาทางธรณีพบว่า แหล่งถ่านหินที่เวียงแหง มีปริมาณสำรองรวมกันทั้งสิ้น ประมาณ 139 ล้านตัน มีปริมาณสำรองที่คุ้มทุนประมาณ 15 ล้านตัน

อำเภอเวียงแหงมีพื้นที่ทั้งหมด 705 ตารางกิโลเมตร โดยประมาณ 92 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นภูเขาและผืนป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอุทยานแห่งชาติ ขณะที่มีพื้นที่อยู่อาศัย 52 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 32,500 ไร่ ในพื้นที่ของอำเภอเวียงแหงนั้น จัดอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แตง จึงมีลักษณะเด่นทางธรรมชาติ กล่าวคือ เป็นแหล่งรวมความหลากหลายของทรัพยากรทางชีวภาพ ทั้งพืชและสัตว์ จากสภาพป่าที่มีลักษณะของระบบนิเวศน์เฉพาะถิ่นตั้งแต่พื้นที่ป่าสองฝั่งลำน้ำแตง ลำห้วยสายต่างๆ และในพื้นที่หุบเขาและบนภูเขาสูงชัน ในลุ่มน้ำดังกล่าวมีการใช้ประโยชน์จากเหมืองฝายทั้งหมดมากถึง 20 ฝาย ครอบคลุมพื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 16,659 ไร่

เมื่อพูดถึงอาชีพของคนเวียงแหง ส่วนใหญ่จะยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก จากการสำรวจพบว่า ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเวียงแหงนั้นผูกพันกับระบบเศรษฐกิจ โดยการทำการเกษตรแบบดั้งเดิม พืชผลิตที่สำคัญ ได้แก่ การทำนาข้าวเป็นข้าวนาปี และข้าวไร่ กระเทียม หอมแดง ข้าวโพด ขิง ท้อ บ๊วย มะม่วง เผือก พริก กะหล่ำปลี รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ควาย สุกร ไก่ เป็ด และปลา เป็นต้น นอกจากนั้น เมื่อว่างจากการทำการเกษตร ชาวบ้านบางกลุ่มยังหาเวลาว่างด้วยการ การทอผ้าและทำย่าม เป็นอาชีพเสริมอีกทางหนึ่งด้วย ปีหนึ่ง บ้านม่วงป๊อกทำไร่กระเทียมกันมากน้อยเท่าไร ปรากฏว่า บ้านม่วงป๊อก พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกระเทียมได้ 8 ถัง ขายผลผลิตได้ 4,000 กิโลกรัม เมื่อผลผลิตออกมา ขายกิโลกรัมละ 10 บาท จะขายได้ประมาณ 40,000 บาท ฉะนั้น รวมปลูกกระเทียมเฉพาะบ้านม่วงป๊อก ประมาณ 500 ไร่ ดังนั้น จะขายกระเทียมได้ทั้งหมู่บ้าน ประมาณ 20 ล้านบาท นี่เฉพาะบ้านม่วงป๊อก ที่ปลูกกระเทียม โดยใช้เวลาเพียง 1 ปี 5 เดือน มีรายได้เข้าหมู่บ้านได้ถึง 20 ล้านบาท