กรุงเจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์, 7 สิงหาคม 2568 – ในระหว่างการประชุมรอบสุดท้ายของการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่กรุงเจนีวา  นักกิจกรรมของกรีนพีซได้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยสร้างร่องรอยคราบน้ำมันสีดำ และกางป้ายขนาดใหญ่บริเวณทางเข้าจัตุรัสแห่งสหประชาชาติเพลซ เดส์ นาชง (Place des Nations) เพื่อเรียกร้องให้ยุติอิทธิพลที่ไม่เหมาะสมของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลในการเจรจา การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามจากกลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ต้องการจะกีดกั้นไม่ให้มีการกำหนดมาตรการลดการผลิตพลาสติกซึ่งเป็นข้อตกลงสำคัญของสนธิสัญญาพลาสติกใหม่นี้

As world governments meet in Geneva for the Global Treaty Talks, Greenpeace activists create a symbolic trail of black oil and hang massive banners on the entrance of the Palais des Nations to call out the undue influence of the fossil fuel industry in the negotiations.The action highlights attempts by fossil fuel lobbyists and oil producing states to prevent countries agreeing to cut plastic production as a core part of the new treaty. © Jack Taylor Gotch / Greenpeac

นักรณรงค์กรีนพีซ 22 คนจาก 10 ประเทศในยุโรป รวมถึงเบลเยียม โครเอเชีย เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ สโลวีเนีย สเปน และสวิตเซอร์แลนด์ ได้เข้าร่วมในกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ครั้งนี้ โดยบางส่วนได้ขึ้นไปบนหลังคาทางเข้าอาคารจัตุรัสแห่งสหประชาชาติเพลซ เดส์ นาชง (Place des Nations) เพื่อกางป้ายผ้าชี้ให้เห็นการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้แทนจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลในเวทีเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่ ขณะเดียวกันยังมีอีกหนึ่งป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “สนธิสัญญาพลาสติกโลกไม่ได้มีไว้เพื่อผลประโยชน์”

เกรแฮม ฟอร์บส์ หัวหน้าคณะผู้แทนกรีนพีซ สากลในการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลก และหัวหน้าฝ่ายงานรณรงค์ยุติมลพิษพลาสติกโลก ของกรีนพีซ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า 

“ในทุกการเจรจามีจำนวนผู้แทนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซเข้าร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งสิ่งนี้กำลังบั่นทอนความโปร่งใสของกระบวนการภายในเราขอเรียกร้องให้สหประชาชาติถอดผู้แทนเหล่านี้ออกจากเวทีเจรจา พร้อมย้ำว่ารัฐบาลต้องไม่เปิดทางให้บริษัทฟอสซิลเพียงไม่กี่รายที่ยึดติดกับแนวคิดล้าหลัง เข้ามาขัดขวางเสียงเรียกร้องที่ชัดเจนจากภาคประชาสังคมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นชนพื้นเมือง ชุมชนแนวหน้า นักเคลื่อนไหวเยาวชน หรือภาคธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งล้วนต้องการข้อตกลงที่เข้มแข็งในการลดการผลิตพลาสติก”

การเจรจาแต่ละรอบยังเห็นจำนวนผู้แทนจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและปิโตรเคมีเข้าร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ในขณะที่ชุมชนแนวหน้า ชนพื้นเมือง และภาคประชาสังคมต่างยังคงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ข้อมูลจากการวิเคราะห์ของศูนย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ (CIEL) ระบุว่า  ที่ประชุมสนธิสัญญาพลาสติกโลกครั้งที่ 5 (INC-5) ในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ มีตัวแทนจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีลงทะเบียนมามากกว่า 220 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 จากการประชุมครั้งก่อน (INC-4) ที่เมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อพิจารณารวมกันแล้ว กลุ่มผู้แทนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เหล่านี้สามารถนับรวมเป็นหนึ่งในคณะผู้แทนที่ใหญ่ที่สุดในการเจรจา ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้แทนจากสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกรวมกัน

กิจกรรมนี้เกิดขึ้นหลังจากกรีนพีซและศูนย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ (CIEL) ได้ยื่นจดหมายถึงหัวหน้าโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และสำนักงานเลขาธิการสนธิสัญญาพลาสติกโลก (INC) เพื่อเรียกร้องให้ตัดสิทธื์ผู้แทนจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ให้เข้าร่วมการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกในอนาคต

อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและพันธมิตรทางการเมืองกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อลดทอนความเข็มแข็งของสนธิสัญญาพลาสติกโลก ซึ่งหากสำเร็จ การผลิตพลาสติกอาจพุ่งสูงขึ้นเป็นสามเท่าภายในปี 2593 ส่งผลให้วิฤตสิ่งแวดล้อมรุนแรงขึ้น  สภาพอากาศแปรปรวน และความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล รายงานล่าสุดจากกรีนพีซ สหราชอาณาจักร ชี้ให้เห็นว่า บริษัทชั้นนำอย่าง  Dow, ExxonMobil, BASF, Chevron Phillips, Shell, SABIC และ INEOS ยังคงขยายกำลังการผลิตพลาสติกอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่กระบวนการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565 บริษัททั้งเจ็ดได้ขยายกำลังการผลิตพลาสติกเพิ่มขึ้นรวมกว่า 1.4 ล้านตัน และผลิตพลาสติกได้มากพอที่จะบรรจุรถบรรทุกขยะได้ประมาณ 6.3 ล้านคัน หรือเฉลี่ยน 5.5 คันในทุก ๆ นาที พร้อมได้รับผลกำไรมหาศาล โดยเฉพาะ Dow เพียงรายเดียวได้สร้างรายได้จากพลาสติกประมาณ 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับส่งผู้แทนอย่างน้อย 21 คนเข้าร่วมการเจรจาสนธิสัญญา

“นี่คือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของพวกเราทุกคน” ฟอร์บส์กล่าวเสริม “บริษัทผู้ก่อมลพิษซึ่งเป็นต้นตอของปัญหานี้ ไม่ควรได้รับโอกาสในการขัดขวางการแก้ไขปัญหาของโลก รัฐบาลต้องแสดงความกล้าหาญ และผลักดันสนธิสัญญาที่เข้มแข็งซึ่งให้ความสำคัญกับผู้คนและโลกใบนี้ มากกว่าผลกำไรระยะสั้นของกลุ่มบริษัท”

หมายเหตุ

  • สามารถดาวน์โหลดภาพถ่ายกิจกรรมรณรงค์ได้ที่ Greenpeace Media Library.

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ

สมฤดี ปานะศุทธะ นักสื่อสารงานรณรงค์ กรีนพีซ ประเทศไทย [email protected] โทร. +66 81 929 5747 

โต๊ะข่าวกรีนพีซ สากล โทร. +31 (0) 20 718 2470 (ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง) [email protected]