ฝุ่นควันภาคเหนือของไทยมาจากไหน?
วิกฤตมลพิษอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็กในภาคเหนือมีมานานกว่า 15 ปีแล้ว แม้ปัญหานี้เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ แต่ภาคเหนือรุนแรงที่สุดในแง่ขนาดของผลกระทบ มีคุณภาพอากาศยํ่าแย่สูงเกินมาตรฐาน โดยสาเหตุหลักมาจากการเผาในที่โล่ง ในพื้นที่ป่าของรัฐ ในพื้นที่เกษตรของประชาชน รวมทั้งฝุ่นควันจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน บวกกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นแอ่งภูเขาและป่าผลัดใบ รวมถึงลักษณะอุตุนิยมวิทยาและเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ภาคเหนือยังมีความซับซ้อนของปัญหาจากภูมิสังคม มีกลุ่มชาติพันธุ์และผู้อาศัยในป่าและบนที่สูง ปัญหาสิทธิทํากินในเขตป่า ปัญหาลักษณะพืชเกษตรที่ทำกินในป่า ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน รัฐได้กล่าวแบบคลุมเครือโดยมุ่งชี้ไปที่ปัญหาว่าเกิดจากการเผาภาคเกษตรและการหาของป่า ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถิติที่บ่งชี้ว่า แหล่งกำเนิดมลพิษใหญ่ มีไฟและจุดความร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าของรัฐมากที่สุด
วิกฤตมลพิษ PM2.5 ยังคงเป็นความท้าทายของการจัดการมลพิษทางอากาศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะระหว่างเดือนธันวาคม และมกราคม-พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งเชื่อมโยงกับการปลูกข้าวโพดเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งโดยมากเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มักเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าและมลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน ทั้งในช่วงเตรียมพื้นที่เพาะปลูกและหลังการเก็บเกี่ยว
จากการวิเคราะห์พื้นที่เผาไหม้และจุดความร้อนที่มีต่อการกระจายตัวและความเข้มข้นของมลพิษ PM2.5 ข้ามพรมแดนในช่วงปี 2558-2563 พบว่าภาคเหนือตอนบนของไทย ตอนเหนือของ สปป.ลาว รัฐฉานของเมียนมา มีสัดส่วนการกระจายตัวของฝุ่น PM2.5 ที่มีความเข้มข้นมากกว่าเกณฑ์ของ WHO และเป็นระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจากข้อมูลพื้นที่เผาไหม้ (burn scar) พบว่าราวร้อยละ 30 ของพื้นที่เผาไหม้ทั้งหมดของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเกิดขึ้นในแปลงปลูกข้าวโพดเชิงอุตสาหกรรม
จากพื้นที่ป่า สู่ไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นวัตถุดิบหลักเพื่อเลี้ยงสัตว์เชิงอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าต้นน้ำ ซึ่งภาพที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์เมื่อกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็คือภูเขาหัวโล้นของภาคเหนือตอนบน
จากผลการวิจัยของกรีนพีซพบว่าต้นเหตุสำคัญของมลพิษข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (ภาคเหนือตอนบนของไทย ตอนบนของ สปป.ลาว และ รัฐฉานของเมียนมาร์) มีที่มาจากพื้นที่เผาไหม้และจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปลูกข้าวโพดมากถึง 1 ใน 3 อีกทั้งการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมระบบ MODIS ระหว่างปี 2558-2563 ยังเผยให้เห็นว่า ภายในช่วงเวลาเพียง 5 ปี พื้นที่ป่าจำนวน 10.6 ล้านไร่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้กลายเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพด สันนิษฐานว่าเป็นข้าวโพดประเภทข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ
‘ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์’ สาเหตุสำคัญของมลพิษข้ามพรมแดนในลุ่มน้ำโขง
ระหว่างปี 2558-2563 ป่าทุกประเภทในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีร่องรอยการเผาไหม้กว่าครึ่งหนึ่ง ในขณะที่มีพื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดที่มักใช้อุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งประกอบด้วยภาคเหนือตอนบนของไทย ตอนบนของ สปป.ลาว และรัฐฉานของเมียนมา เฉลี่ย 6 ปี (ปี 2558-2563) พบว่า โดยเฉลี่ย 1 ใน 3 ของจุดความร้อนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอยู่ในพื้นที่ปลูกข้าวโพด
Hazibition : นิทรรศการใต้ฝุ่น เปิดต้นตอปัญหาฝุ่นควัน