แม้ว่าพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-Use Plastic) จะถูกผลิตขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบายต่อชีวิตมากขึ้น แต่พลาสติกชิ้นนั้นกลับใช้เวลานานในการย่อยสลายและส่งผลกระทบมากมาย แต่เราแก้ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นได้


เราทำอะไรได้บ้าง
การร่วมแก้ปัญหาจากผู้กำหนดนโยบายทั่วโลก : ผู้นำทั่วโลกต้องผลักดันให้สนธิสัญญาพลาสติกโลกเกิดขึ้นจริง สนธิสัญญาดังกล่าวจะต้องมีเป้าหมายในการลดการผลิตพลาสติกลงอย่างน้อยร้อยละ 75 ภายในปี 2583 เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
การแก้ปัญหาจากภาคเอกชน : กรีนพีซเรียกร้องให้แบรนด์ผู้ผลิตเหล่านี้เข้ามารับผิดชอบผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์ได้ก่อขึ้นคือข้อเรียกเสนอหลักการ การขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Polluter Responsibility : EPR)
การแก้ปัญหามลพิษพลาสติกด้วยหลักการ 7R : เป็นหลักการเพื่อย้ำเตือนพฤติกรรมการบริโภคของเราให้ตระหนักรู้เท่าทันการจับจ่ายซื้อสินค้าของตนเอง และมองหาสิ่งอื่นก่อนการตัดสินใจกดสั่งซื้อสินค้าทุกครั้ง และเป็นหลักการที่มีประสิทธิภาพหากผู้บริโภคสามารถลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งไปตามลำดับความสำคัญคือ Reduce, Reuse, Refill, Return, Repair/Repurpose, Replace และ Recycle

ร่วมสนับสนุนงานรณรงค์ของกรีนพีซ
-

ร่วมผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง! หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติก
สนธิสัญญาพลาสติกโลกฉบับนี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลก โดยเฉพาะมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราขอเรียกร้องให้เกิดสนธิสัญญาที่มีความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน เพื่อลดการผลิตและการใช้พลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม
-

รายงาน“จากโรงงานสู่ตู้เสื้อผ้า: ความเสี่ยงของสารเคมีในอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น”
การศึกษาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ของ กรีนพีซ เยอรมนี (Greenpeace Germany) ที่ตรวจสอบการปนเปื้อนสารเคมีในผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์
-

No Treaty Is Better Than a Bad Treaty ไม่มีดีกว่ามี หากสนธิสัญญาไม่สามารถยุติมลพิษพลาสติกได้จริง
เราขอส่งกําลังใจให้คณะผู้แทนเจรจาประเทศไทย ยืนหยัดปฏิเสธสนธิสัญญาที่
