การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ยั่งยืน กระจายศูนย์และ เป็นธรรมกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก หลายประเทศและเมืองทั่วโลกต่างมุ่งหน้า หรือให้คำมั่นสัญญาไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียน 100% อย่างน้อยที่สุดทั้งในภาคการผลิตไฟฟ้า การขนส่ง การผลิตความร้อนและความเย็น การขับเคลื่อนเกิดขึ้นทั้งในระดับภูมิภาค ประเทศและท้องถิ่น

 

Actor Emma Thompson Supports Offshore Wind. © Will Rose / Greenpeace

นักแสดง เอ็มม่า ทอมพ์สัน ถือป้ายที่มีข้อความว่า 50% off Offshore Wind แสดงให้เห็นว่าค่าไฟที่ต้องจ่ายให้กับ ฟาร์มพลังงานลม Offshore ในอังกฤษ ลดลงถึงร้อยละ 50 ภายใน 5 ปี

 

เดนมาร์ก เป็นประเทศในกลุ่ม OECD ประเทศแรกที่ให้คำมั่นในบรรลุเป้าหมายระบบพลังงานหมุนเวียน 100% ในภาคการผลิตไฟฟ้าและการทำความร้อนภายในปี พ.ศ.2573 และปลดแอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยสิ้นเชิงภายในปี พ.ศ.2593 โดยรวมภาคการขนส่งเข้าไปด้วย สก็อตแลนด์ ตั้งเป้าหมายในการตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี พ.ศ.2563

แต่เป้าหมายที่จะไปให้ถึงระบบพลังงานหมุนเวียน 100% ไม่เกิดขึ้นแต่ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมร่ำรวยเท่านั้น หากยังเป็นรากฐานของประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง Cape Verde ในแอฟริกา และในละตินอเมริกาโดยที่ คอสตาริกา เป็นประเทศที่ผู้นำในเรื่องนี้

 

เดนมาร์กและ 1 วันที่ใช้เพียงแหล่งพลังงานจากลม

กังหันลมของประเทศเดนมาร์กผลิตพลังงานเพียงพอต่อความต้องการของทั้งประเทศ หรืออีกนัยหนึ่งคือ สามารถผลิตพลังงาน 97 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นการผลิตพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของประชากรใน EU เฉลี่ย 10 ล้านครัวเรือนในหนึ่งวัน

โอลิเวอร์ จอย โฆษกขององค์กร Wind Europe แสดงความเห็นกับเรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องที่น่าประทับใจและแสดงให้เราเห็นว่าพลังงานหมุนเวียนจะเป็นคำตอบให้กับทวีปยุโรป ดังที่เดนมาร์กแสดงให้เราเห็นเป็นตัวอย่าง”

ยังมีหลายประเทศทั่วโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านตัวเองมาพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เพราะเมื่อเปรียบเทียบจำนวนประเทศที่ตั้งเป้าหมายในการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างน้อยร้อยละ 70 ระหว่างปี พ.ศ.2558 กับ ปี พ.ศ.2560 พบว่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว