9 กันยายน 2566 – รายงานความคืบหน้าในการทบทวนสถานการณ์และการดำเนินงานระดับโลก (Global Stocktake Synthesis Report) [1] ของสหประชาชาติเพื่อบรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีสซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความถดถอยอย่างมากในปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ ความมุ่งมั่น และความโปร่งใสตรวจสอบได้ของรัฐบาลประเทศต่างๆ ท่ามกลางผลกระทบที่เป็นหายนะจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศทั่วโลก และความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการหาทางออกจากวิกฤต จากข้อค้นพบของรายงาน Kaisa Kosonen ผู้ประสานงานด้านนโยบาย กรีนพีซ สากล กล่าวว่า บ้านของเรากำลังถูกไฟไหม้ แต่ผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายเพื่อปกป้องชีวิตผู้คนยังคงจิบกาแฟโดยแสร้งเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีรัฐบาลใดจะหาข้ออ้างได้แล้วว่าพวกเขาไม่รู้ถึงแนวทางกู้วิกฤติสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลทั้งหลายได้รับการช่วยชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่าจากนักวิทยาศาสตร์ และเราก็มีรายงานสังเคราะห์สถานการณ์ดำเนินงานระดับโลก สิ่งที่โลกรอคอยคือการลงมือทำ และความเป็นผู้นำ เราต้องการให้ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดใช้พลังของตนเพื่อหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนทางสภาพภูมิอากาศ และเพื่อปกป้องมนุษยชาติ แทนที่จะปกป้องอุตสาหกรรมผู้ก่อมลพิษ ในการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ(COP28)ในปี 2566 นี้ รัฐบาลต่างๆ ต้องตกลงยุติการใช้น้ำมัน ก๊าซฟอสซิลและถ่านหินอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม โดยยึดหลักการผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย ผู้นำทั้งหลายไม่อาจยิ้มได้อีกต่อไปและอ้างว่าพวกเขาสนับสนุนความตกลงปารีสและจำกัดภาวะโลกเดือดไว้ที่ 1.5°C หากพวกเขาไม่กำหนดวันปลดแอกเชื้อเพลิงฟอสซิลและยังผลักดันให้ขยายเพิ่มขึ้น ทางออกมีพร้อมแล้ว – ปัจจุบันระบบพลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานที่มีราคาถูกที่สุด – เราต้องยุติยุคเชื้อเพลิงฟอสซิล อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลได้จับเราเป็นตัวประกัน แต่เวลาของพวกเขาหมดลงแล้ว” หมายเหตุ : [1] มาตรา 14 ของความตกลงปารีสกำหนดให้มีการทบทวนการดำเนินงานของความตกลงนี้เป็นระยะเพื่อประเมินความก้าวหน้าในภาพรวมต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของความตกลงนี้และเป้าหมายระยะยาวของความตกลง ซึ่งเรียกว่า “การทบทวนสถานการณ์และการดำเนินงานระดับโลก” (Global Stocktake) การทบทวนนี้ต้องทำอย่างครอบคลุมและเอื้ออำนวย โดยพิจารณาทั้ง (1) การลดก๊าซเรือนกระจก (2) การปรับตัว (3) กลไกการดำเนินงานและการสนับสนุนโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมและวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดที่มีอยู่ การทบทวนระดับโลกจะเริ่มครั้งแรกในปี 2566 และจะต้องดำเนินการทุกๆ 5 ปี หลังจากนั้น หรือตามมติของภาคีความตกลงปารีส ผลของการทบทวนระดับโลกจะใช้เป็นข้อมูลของประเทศภาคีในการยกระดับการดำเนินงาน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ โต๊ะข่าว กรีนพีซ สากล : [email protected], +31 (0) 20 718 2470 (ตลอด 24 ชั่วโมง) สมฤดี ปานะศุทธะ กรีนพีซ ประเทศไทย โทร. 081 929 5747 อีเมล [email protected] |
Related Posts
-
หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติกในแอฟริกา จะสร้างความเป็นธรรมต่อกลุ่มผู้หญิงและชุมชนท้องถิ่น
จอยซ์ คุณแม่อายุน้อยที่ต้องหารายได้เพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ของเธอด้วยการเก็บขยะพลาสติกในบ่อขยะดันโดรา ในเมืองไนโรบี แทนการเป็นเกษตรกรทำไร่อย่างที่เธอเคยฝัน อาชีพนี้ทำให้เธอต้องเผชิญกับมลพิษ สารพิษที่อยู่ในอากาศจนเป็นอันตรายต่อปอด
-
กรีนพีซ สากล เริ่มต้นคดีต่อต้าน SLAPP เพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก
อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์, 2 กรกฎาคม 2568 – กรีนพีซ สากลได้ยื่นฟ้องบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ ซึ่งเป็นบริษัทท่อส่งน้ำมันของสหรัฐฯ ต่อศาลในประเทศเนเธอร์แลนด์ [1] ซึ่งนับเป็นการทดสอบการฟ้องกลับครั้งแรกที่มีความสำคัญ ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ของสหภาพยุโรป ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและยุติการใช้คดีความในทางที่ผิด
-
ศาลสูงสุดเผยแพร่คำแนะนำสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ รัฐต้องปกป้องกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโลกเดือด
คำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (The International Court of Justice : ICJ) ครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม และยกระดับพันธกรณีของรัฐให้มีความรับผิดชอบที่ครอบคลุมเกินกว่าที่กำหนดไว้ใน ความตกลงปารีส ข้อวินิจฉัยยังระบุถึง พันธกรณีของทุกรัฐในการป้องกันความเสียหายร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม และ หน้าที่ในการร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อรับมือกับวิกฤตโลกร้อนอย่างเป็นระบบ