เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวนกระบวนการและร่างแผน PDP2024
ร่วมลงชื่อเรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวนกระบวนการและร่างแผน PDP2024 ที่ไม่มั่นคง แพง และไม่นำประเทศสู่การบรรลุเป้าหมาย Net zero
จากกระบวนการรับฟังความเห็นที่ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนร่างแผน PDP ฉบับนี้และเปิดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นที่รอบด้านอย่างแท้จริง

5 ข้อเสนอต่อการแก้ไขร่าง PDP 2024
- ให้คำนึงถึงแผนการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคพลังงานเป็นเป้าหมายสำคัญในการออกแบบ เพื่อให้บรรลุ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero Emission ภายในปี 2065
- ประกาศปลดระวางถ่านหิน โดยไทยจะสามารถเร่งเลิกใช้ถ่านหินได้เร็วสุดภายในปี 2027 เนื่องจากภาระทางสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกเดือดสูงกว่าพลังงานชนิดอื่น
- หยุดการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลใหม่และเขื่อนในลุ่มน้ำโขง
- ใช้พลังงานหมุนเวียนภายในประเทศให้เต็มศักยภาพและป้อนเข้าสู่ระบบสายส่งเป็นลำดับแรก เพื่อลดการพึ่งพาและนำเข้าพลังงานจากการนำเข้าต่างประเทศ เพิ่มความยืดหยุ่นในระบบไฟฟ้า เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน ท้ังการทําสัญญาซื้อขาย และการนําเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานและการบริหารจัดการแบบกระจายศูนย์มาใช้
- เตรียมความพร้อมสำหรับการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากภาคครัวเรือนและ เปิดโอกาสให้บุคคลที่สามสามารถขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Third Party Access: TPA) ได้อย่างเต็มที่
-

ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของไทย ดีขึ้นหรือไม่หลังแผน NAP ผ่านมากว่า 6 ปี
ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน สองคำที่ฟังดูแล้วเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำทางอำนาจ และท้าทายอย่างยิ่งว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ภาคธุรกิจนั้นจะเดินหน้าควบคู่ไปกับการเคารพสิทธิมนุษยชนได้
-

มหาอุทกภัยภาคใต้: วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รัฐไทยไม่พร้อมรับมือ
วิกฤตครั้งนี้ทวีความรุนแรงจากสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น รวมถึงความล้มเหลวของระบบการจัดการภัยพิบัติที่ไม่ทันต่อสถานการณ์วิกฤตโลกเดือด
-

องค์กรสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมจัดเวทีสถานการณ์ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน “เปลี่ยนหลักการสู่การปฏิบัติ”
กรุงเทพมหานคร, 20 พฤศจิกายน 2568 – องค์กรสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมกว่า 17 องค์กรร่วมจัดเวทีเสวนาสาธารณะเพื่อทบทวนแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย (NAP – 2566-2570) พร้อมยื่นข้อเรียกร้องจากประชาชนและภาคประชาสังคมด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนต่อนายกรัฐมนตรีโดยมี ดร. รัชดา ธนาดิเรก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนรับข้อเรียกร้องจากภาคประชาชนและกล่าวปิดงานว่า