เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี กรีนพีซ ประเทศไทย ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ภาคธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เร่งดำเนินมาตรการอย่างเด็ดขาด และมีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องสิทธิทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนบนโลกใบนี้ควรได้รับ 

ประเทศไทยเผชิญกับความเสี่ยงทางวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระดับสูง ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร แหล่งน้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ วิกฤตสิ่งแวดล้อมนี้ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาทางธรรมชาติ แต่คือวิกฤตสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นการลดทอนสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี กรีนพีซ ประเทศไทย ยึดมั่นในหลัก “ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ” (Climate Justice) มุ่งปกป้องคุ้มครองสิทธิของกลุ่มคนเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้หญิง และชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรมจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เราเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในการกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ พร้อมผลักดันให้เกิดกลไกการเยียวยาและการคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ 

ข้อเรียกร้องของกรีนพีซ ประเทศไทย

  • ถือสิทธิมนุษยชนเป็นศูนย์กลางของการแก้ปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศ

ผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักของ “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย” Polluter Pays Principle โดยไม่มีข้อยกเว้น และต้องมีการจัดตั้งกองทุนชดเชยค่าเสียหายจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

  • หยุดเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนเหนือสิทธิ และคุณภาพชีวิตของประชาชน 

รัฐบาลต้องมีนโยบายหยุดสนับสนุนผลประโยชน์ของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เหนือสิทธิของประชาชน กรีนพีซ เรียกร้องให้มีการปฎิรูประบบอาหารที่มีความยั่งยืน ตั้งแต่การผลิตจนถึงการบริโภค และการจัดตั้งเขตคุ้มครองทางทะเลทั่วโลกอย่างจริงจัง

  • เร่งออกกฎหมายบังคับใช้แนวทาง “การขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต” (EPR) 

เพื่อจัดการปัญหามลพิษพลาสติกอย่างยั่งยืน ยุติการนำเข้าขยะ การแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง และกระบวนการรีไซเคิลที่สร้างมลพิษ

  • กำหนดเป้าหมายการลดการผลิตพลาสติกใหม่อย่างชัดเจนในระดับนโยบาย

การประชุมเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกครั้งที่ 5.2 (INC-5.2) ผู้แทนประเทศไทยต้องแสดงบทบาทเป็นผู้นำของภูมิภาค ในการกำหนดเป้าหมายการลดการผลิตพลาสติกใหม่ลงอย่างน้อยร้อยละ 75 ภายในปี 2583 (ค.ศ. 2040) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยจำกัดอุณหภูมิพื้นผิวโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

  • ปกป้องทะเลและมหาสมุทรด้วยการลงนามในสนธิสัญญาทะเลหลวง (High Seas Treaty)

รัฐต้องยอมรับสิทธิของชุมชนชายฝั่งและชนพื้นเมือง และส่งเสริมพื้นที่คุ้มครองทางทะเลโดยมีชุมชนเป็นผู้นำ (MPAs) ด้วยการเคารพภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล และคุ้มครองสิทธิของชุมชนชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมประมง เหมืองทะเลลึก และโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

  • ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและเป็นธรรม

รัฐต้องเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและเป็นธรรม โดยเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบและขับเคลื่อนแหล่งพลังงานของตน ลดการผูกขาดภาคพลังงานเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเร่งออกกฎหมายฐานข้อมูลการปลดปล่อยสารพิษและเคลื่อนย้ายสารพิษ (PRTR) เพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษแต่แต่ต้นทาง และปกป้องสุขภาพของประชาชนจากมลพิษของภาคอุตสาหกรรม

  • ปกป้องสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของนักเคลื่อนไหวด้านสิ่่งแวดล้อม

ยุติการฟ้องร้องคดีเชิงยุทธิ์ศาสตร์ต่อการมีส่วนร่วมสาธารณะ เราจะไม่ยอมให้วัฒนธรรมการฟ้องปิดปาก (SLAPP) ปิดกั้นการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกในการพูดถึงเรื่องประโยชน์สาธารณะรัฐบาลต้องเร่งออกกฎหมายคุ้มครองนักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและภาคประชาชนอย่างเร่งด่วน

กรีนพีซ ประเทศไทย จะยังคงเคียงข้างประชาชนและขบวนการภาคประชาสังคมในการขับเคลื่อนความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ ในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และผลักดันให้เสียงของผู้คนมีพลังในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของโลกใบนี้อย่างแท้จริง