อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์, 2 กรกฎาคม 2568 – กรีนพีซ สากลได้ยื่นฟ้องบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ ซึ่งเป็นบริษัทท่อส่งน้ำมันของสหรัฐฯ ต่อศาลในประเทศเนเธอร์แลนด์ [1] ซึ่งนับเป็นการทดสอบการฟ้องกลับครั้งแรกที่มีความสำคัญ ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ของสหภาพยุโรป ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและยุติการใช้คดีความในทางที่ผิด
บริษัทเอนเนอร์จีทรานเฟอร์ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้ยื่นฟ้องปิดปาก หรือ SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) สองคดีติดต่อกันต่อ กรีนพีซ สากล และกรีนพีซ ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่กรีนพีซแสดงจุดยืนสนับสนุนการชุมนุมประท้วงอย่างสันติของชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ในปี 2559 (ค.ศ.2016) ที่คัดค้านโครงการท่อส่งน้ำมันดาโกตา แอคเซส (Dakota Access Pipeline) ซึ่งคดีแรกถูกศาลยกฟ้องไปแล้ว แต่กรีนพีซยังคงต้องต่อสู้คดีที่สองซึ่งยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ หลังจากคณะลูกขุนในรัฐนอร์ทดาโคตาเพิ่งตัดสินให้บริษัทท่อส่งน้ำมันชนะคดี พร้อมเรียกค่าเสียหายจากกรีนพีซมากกว่า 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นักกิจกรรมจากกรีนพีซ สากลและเครือข่ายพันธมิตรได้มารวมตัวกันด้านนอกหน้าอาคารศาลในกรุงอัมสเตอร์ดัม ในวันใต่สวนครั้งแรกของคดี พร้อมถือป้ายข้อความว่า “ENERGY TRANSFER, WELCOME TO THE EU – WHERE FREE SPEECH IS STILL A THING” หรือ“ENERGY TRANSFER ยินดีต้อนรับสู่สหภาพยุโรป – ที่ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออกยังคงมีอยู่”
แมดส์ คริสเตนเซน ผู้อำนวยการบริหาร กรีนพีซ สากล กล่าวว่า
“การที่เอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์โจมตีสิทธิในการชุมนุมประท้วงของเราก็คือการโจมตีเสรีภาพในการแสดงออกของทุกคน กรีนพีซตกเป็นเป้าโจมตีตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา แต่เรายังคงยืนหยัดต่อสู้ เราจะไม่ยอมแพ้ต่อการคุกคามทุกรูปแบบ และจะเดินหน้าทุกทางที่เป็นไปได้เพื่อนำเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ มารับผิดชอบต่อความพยายามใช้ระบบยุติธรรมในทางที่ผิด คดีป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP)ครั้งสำคัญนี้ในเนเธอร์แลนด์ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้กับยุทธศาสตร์การรังแกของเหล่าเศรษฐีและบรรษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ต้องการปิดปากเสียงวิจารณ์ทั่วโลก เดิมพันในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันจะเป็นความสามารถของประชาชนในตรวจสอบและการเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทที่ก่อมลพิษให้กับโลกใบนี้”
คดีความนี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญของกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปากของสหภาพยุโรป (Anti-SLAPP Directive) ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อเดือนเมษายน 2567 [2] กฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองนักข่าว นักกิจกรรม องค์กรภาคประชาสังคม หรือบุคคลใดก็ตามที่แสดงความเห็นในประเด็นที่เป็นประโยชน์สาธารณะ จากคดีฟ้องร้องแบบ SLAPP (Strategic Lawsuits Against Public Participation) — ซึ่งเป็นคดีที่ไม่มีมูล แต่มักถูกนำไปใช้โดยบริษัททรงอิทธิพลหรือบุคคลร่ำรวยเพื่อกดดันและปิดกั้นการอภิปรายในพื้นที่สาธารณะ [3]
เนื่องจากกรีนพีซสากล จดทะเบียนเป็นมูลนิธิในประเทศเนเธอร์แลนด์ และผลกระทบจากคดี SLAPP ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ กำลังส่งผลต่อองค์กรในเนเธอร์แลนด์ จึงทำให้ทั้งกฎหมายของเนเธอร์แลนด์และของสหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้กับกรณีนี้
เอมี่ จาคอบเซ็น ที่ปรึกษากฎหมายอาวุโส ของกรีนพีซ สากลกล่าวว่า
“คดีนี้ช่วยปูทางไปสู่การนำมาตรการป้องกันการใช้กฎหมายเพื่อฟ้องปิดปากมาใช้ทั่วทั้งยุโรปและประเทศอื่น ๆ การที่บริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ฟ้องร้องกรีนพีซ สากล นั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้กฎหมายเพื่อกลั่นแกล้ง และมาตรการป้องกันการฟ้องปิดปาก หรือ anti-SLAPP Directive สามารถช่วยคุ้มครองผู้ที่ถูกกลั่นแกล้ง การเรียกร้องให้สหภาพยุโรปมีมาตรการป้องกันการฟ้องปิดปากจึงเป็นการป้องกันไม่ให้บริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลขนาดใหญ่อย่างเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ ใช้กลยุทธ์กลั่นแกล้ง และลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก”
ณ เวลาที่มีการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ยังไม่แน่ชัดว่า เอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ จะเข้าร่วมการพิจารณาคดีหรือไม่ ขั้นตอนถัดไปคือการที่ผู้พิพากษาจะกำหนดตารางการพิจารณาคดีต่อไป
Notes:
[1] กฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปมีจุดมุ่งหมายเพื่อรับมือกับจำนวนคดีความที่ถูกใช้ในทางที่ผิดซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมักพุ่งเป้าไปที่นักข่าว สื่อมวลชน นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กรีนพีซ สากลได้ยื่นฟ้องบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ ต่อศาลในประเทศเนเธอร์แลนด์ กลายเป็นคดีตัวอย่างแรกที่มีการนำกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก หรือ anti-SLAPP ของสหภาพยุโรปมาใช้ในทางปฏิบัติ กรีนพีซสากลเรียกร้องให้บริษัทชดเชยค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการถูกฟ้องร้องโดยไม่มีมูลสองคดีติดต่อกัน ซึ่งเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ เรียกร้องเงินค่าชดเชยหลายร้อยล้านดอลลาร์จากกรีนพีซสากลและกรีนพีซในสหรัฐอเมริกา
[2] ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปมีเวลาถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2569 ซึ่งเป็นกำหนดสุดท้ายในการนำกฎระเบียบนี้ไปบรรจุไว้ในกฎหมายของประเทศตนเอง แต่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้แสดงเจตจำนงว่า การคุ้มครองตามกฎหมายนี้สามารถนำมาใช้ได้แล้วภายใต้กรอบกฎหมายเนเธอร์แลนด์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
[3] บริษัทน้ำมันรายใหญ่ เช่น Shell, Total และ ENI ได้ยื่นฟ้องคดี SLAPP ต่อองค์กรกรีนพีซในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บางคดีสามารถถูกยุติได้สำเร็จ รวมถึงกรณีที่กรีนพีซฝรั่งเศสสามารถเอาชนะคดี SLAPP ของ TotalEnergies ได้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 และกรีนพีซสหราชอาณาจักรและกรีนพีซสากลทำให้ Shell ถอนฟ้องคดี SLAPP เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 กรีนพีซโรมาเนียถูกฟ้องโดยบริษัทพลังงาน Romgaz ในปี 2568 โดยมีเป้าหมายที่จะยุบองค์กร แต่คำฟ้องถูกถอนกลับ และ Romgaz ต้องชำระค่าใช้จ่ายในศาลให้กรีนพีซโรมาเนีย กรีนพีซอิตาลีและกรีนพีซเนเธอร์แลนด์กำลังเผชิญกับคดีความต่อบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ENI ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการในอิตาลี
ติดต่อ:
Daniel Bengtsson, Communications Lead, Greenpeace Nordic
+ 46 703009510, [email protected]
Greenpeace International Press Desk, +31 (0)20 718 2470 (available 24 hours), [email protected]