การประชุมด้านสภาพภูมิอากาศโลก COP
COP คือการประชุมรัฐภาคีสมาชิกความตกลงพหุภาคีระหว่างประเทศ (multilateral agreement) ต่าง ๆ ภายใต้สหประชาชาติ โดยย่อมาจาก Conference of Parties COP ที่รู้จักกันดี คือการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)
โดยเป็นเวทีเจรจาระดับโลกว่าด้วยวิกฤตโลกร้อนที่ดำเนินสืบเนื่องมาเกือบ 3 ทศวรรษ COP เป็นเวทีที่รัฐภาคีสมาชิกมารวมตัวกันทุกปีเพื่อเจรจาตกลงในการต่อกรกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ บางครั้ง มีการเสนอแผนและลงนามในความตกลงโดยเกือบทุกประเทศทั่วโลกเข้าร่วม
ดังนั้น หมายความว่าจะมีทั้งผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุด รวมถึงผู้แทนจากรัฐที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อาจหายไปจากแผนที่โลกในศตวรรษนี้มาอยู่ในเวทีเจรจาเดียวกัน รัฐบาลบางประเทศมาเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ในขณะที่รัฐบาลอีกหลายประเทศพยายามต่อรองผลประโยชน์ส่วนตน แต่ท้ายที่สุด COP เป็นการประชุมเจรจาระดับโลกเวทีเดียวที่คนทั้งโลกมา รวมตัวกันด้วยความมุ่งมั่นที่กู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ


การประชุม COP เกี่ยวข้องกับไทยอย่างไร?
การประชุม COP ถือเป็นเวทีการเจรจาที่จะนำกลุ่มประเทศที่เป็นผู้ก่อมลพิษหลัก มาเจรจาและทำข้อตกลงร่วมกับกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นความตกลงร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การลด ละ เลิกเชื้อเพลิงฟอสซิล การให้คำมั่นสัญญาเพื่อดูและรักษาผืนป่า และการชดเชยค่าเสียหายและความสูญเสียแก้กลุ่มประเทศที่ยากจนเพื่อปรับตัวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นความรับผิดชอบของกลุ่มประเทศผู้ก่อมลพิษหลัก
และไทยก็เป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อการเข้าถึงอาหาร น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ รวมถึงความเสี่ยงที่ระบบนิเวศจะถูกทำลาย นำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความยากจน และโรคระบาดในอนาคต เราคาดหวังว่าเวทีดังกล่าวจะเป็นเวทีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างแท้จริงเพื่อโลกในอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืน
หลายประเทศต้องจริงจังกับการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
นี่เป็นปัญหาระดับโลกและต้องการทางออกระดับโลก ซึ่งผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย ส่วนญี่ปุ่น เยอรมนี และสหราชอาณาจักรอยู่ในสิบอันดับแรก เราจึงต้องการให้กลุ่มประเทศที่ร่ำรวยที่สุดแสดงภาวะผู้นำและเคลื่อนไหวก้าวหน้าไปกว่าแผนการที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ประเทศในกลุ่ม G20 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 80% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก แต่อีกหลายประเทศยังไม่ได้จริงจังกับการดำเนินแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศแต่อย่างใด

หัวใจสำคัญของการประชุม COP คือการส่งมอบความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศแก่ผู้คนทั้งหลาย ไม่ใช่เวทีเพื่อฟอกเขียว (Greenwash) อีกทั้งยังเป็นการตัดสินว่าใครคือเจ้าของอนาคต ระหว่างผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก่อมลพิษที่แสวงกำไรจากอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศ หรือผู้คนที่ต้องรับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าพื้นเมือง ชุมชนที่เปราะบาง และเยาวชนคนหนุ่มสาวทั่วโลก

COP30
ก่อนวันประชุม COP30 จะมาถึงคาดว่าจะมีการปรับปรุงร่างกลไกกองทุน TFFF เวอร์ชัน 3.0 อีกครั้ง ซึ่งหมายความว่ายังมีเวลาให้รัฐบาลต่าง ๆ เร่งพัฒนาให้กลไกนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญอย่างเกณฑ์ชี้วัดความครอบคลุมของพื้นที่ป่า การติดตามการเสื่อมโทรมของป่า และเกณฑ์สำหรับกลุ่มทุน ทั้งหมดนี้จะต้องไม่ลืมประเด็นสำคัญว่า ขณะนี้ผืนป่าทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นป่าแอมะซอน ป่าฝนคองโก และผืนป่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังถูกคุกคามมากขึ้นจากไฟป่า และการขยายตัวของอุตสาหกรรม กลไกกองทุน TFFF จะเป็นส่วนสำคัญของทางออกได้หากได้รับการพัฒนาให้เป็นกลไกที่มีธรรมภิบาลสูง และเปิดให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เรากำลังเข้าใกล้จุดเปราะบางของวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากขึ้นทุกขณะ ดังนั้นการประชุม COP30 จึงไม่ควรหยุดอยู่เพียงแค่การแสดงเจตนารมณ์ แต่ต้องขยับสู่การลงมือปฏิบัติจริง และเปลี่ยนจากรอความร่วมมือแบบสมัครใจ ไปสู่การร่วมมือกันระดับโลกเพื่อปกป้องผืนป่า

กรีนพีซ ประเทศไทย ร่วมทำงานกับเครือข่ายชุมชน
เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนในหลากรูปแบบประเด็น เราส่งเสริมสันติภาพ โดยไม่รับเงินสนับสนุนจากบริษัท รัฐบาล หรือ พรรคการเมืองใด เพื่อความเป็นอิสระทางการทำงาน
-

วันประมงโลก: ความเป็นผู้นำและภูมิปัญญาของชาวประมงพื้นบ้าน คือพลังสำคัญในการรักษามหาสมุทรให้คงความอุดมสมบูรณ์
วันประมงโลกปีนี้ กรีนพีซเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกยอมรับและให้ความสำคัญกับสิทธิ ความเป็นผู้นำ และองค์ความรู้ของชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่น รวมถึงชาวประมงพื้นบ้าน โดยต้องมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการตัดสินใจเกี่ยวกับท้องทะเล
-

วันที่ฟ้าฝนเป็นใจ – ให้อาบป่า
“พี่กับแฟนชอบปลูกต้นไม้ เราทั้งสองคนซื้อบ้านตรงหัวมุมเพราะตั้งใจจะปลูกต้นไม้ในบ้าน ตั้งใจไว้ว่าทุกๆ หนึ่ง หรือ สองก้าวจะต้องมีต้นไม้หนึ่งต้น ตั้งใจแบบนั้น แม้พื้นที่ไม่ได้เยอะมากแต่เราอยากให้มีต้นไม้ ก่อนตัดก็ไม่คิดว่าจะใจหายขนาดนี้ ตอนนั้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้มีเหตุผลจำเป็นบางอย่าง เลยจำเป็นต้องตัดน่ะค่ะ”
-

องค์กรสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมจัดเวทีสถานการณ์ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน “เปลี่ยนหลักการสู่การปฏิบัติ”
กรุงเทพมหานคร, 20 พฤศจิกายน 2568 – องค์กรสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมกว่า 17 องค์กรร่วมจัดเวทีเสวนาสาธารณะเพื่อทบทวนแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย (NAP – 2566-2570) พร้อมยื่นข้อเรียกร้องจากประชาชนและภาคประชาสังคมด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนต่อนายกรัฐมนตรีโดยมี ดร. รัชดา ธนาดิเรก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนรับข้อเรียกร้องจากภาคประชาชนและกล่าวปิดงานว่า
Hazibition : นิทรรศการใต้ฝุ่น เปิดต้นตอปัญหาฝุ่นควัน