จากการประชุมสุดยอดของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (the UN Secretary General’s Climate Action Summit) ในนิวยอร์ก เจนนิเฟอร์ มอร์แกน ผู้อำนวยการบริหารกรีนพีซสากล กล่าวว่า
“เป็นช่วงเวลาที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในการขับเคลื่อนเรื่องวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และนี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
แม้ว่าจะมีเยาวชนอย่าง เกรียตา ออกมากล่าวสุนทรพจน์เพื่อเรียกร้องให้แก้วิกฤตแล้ว แต่ในวันนี้ เหล่าผู้นำโลกเกือบทุกคนก็ไม่ได้ให้ในสิ่งที่เราต้องการในการประชุมที่นิวยอร์ก เราได้เห็นการเดินรณรงค์จากหลายล้านคนบนถนนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าคนเหล่านี้จะไม่ยอมรับในความไม่แยแสเกี่ยวกับวิกฤตนี้อีกต่อไป ทั้งข้อแก้ตัวและการไม่ลงมือทำของผู้นำทางการเมืองที่ไม่สามารถท้าทายอำนาจเหนือกว่าของอุตสาหกรรมฟอสซิล
เป็นเวลาที่ต้องตั้งคำถามต่ออำนาจของบรรษัทและบทบาทที่อยู่เหนืออำนาจทางการเมือง เป็นเวลาที่ต้องติดตามตรวจสอบอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและแหล่งทุนที่สนับสนุนพวกเขา เรียกร้องให้พวกเขามีภาระรับผิดชอบต่อผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
การประชุมในครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นสำหรับปี 2563 เมื่อครั้งที่ทุกประเทศลงนามในความตกลงปารีส (Paris Agreement) ความตกลงครั้งนั้นได้เป็นปฏิญาณเพื่อเพิ่มความทะเยอทะยานของประเทศที่จะดูและปกป้องสภาพภูมิอากาศ ซึ่งผู้นำเหล่านี้เองที่เป็นผู้มอบหมายให้คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) รายงานผลทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด และเป็นกลุ่มที่เห็นด้วยกับกลไกดังกล่าว ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถอ้างหรือแก้ตัวได้เลย
เหล่าเยาวชนคนรุ่นใหม่จะยังคงออกมาเรียกร้องตามท้องถนน ตามโรงเรียนและตามบ้านต่อไปเรื่อย ๆ ขอแจ้งให้ทราบว่าคุณไม่มีทางหลบหลีกที่จะกอบกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศแล้ว เพราะกลุ่มคนธรรมดาแบบพวกเราจะจับตามองคุณ พวกเราจะมีสมานฉันท์ที่เข้มแข็งมากขึ้น ทั้งการเพิ่มจำนวนคน การสร้างผู้นำในกลุ่มเยาวชนที่เรามีโอกาสได้พบพวกเขา เราจะไม่หยุดแค่นี้จนกว่าเราจะเห็นแนวทางการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้มากไปกว่า 1.5 องศาเซลเซียสอย่างยั่งยืน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของอนาคตที่ดีขึ้นและเป็นธรรมสำหรับเราทุกคน”