ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ลูกเรือของเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ของกรีนพีซ ปฏิบัติภารกิจที่น่าอัศจรรย์

กรีนพีซ ออสเตรเลียแปซิฟิก ปฏิบัติภารกิจขัดขวางการเบ็ดราวของอุตสาหกรรมประมงขนาดใหญ่ ในเขตทะเลหลวง ใกล้กับออสเตรเลียและเอาเตอารัว (นิวซีแลนด์) ตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมง ลูกเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ยึดเบ็ดราว หรืออุปกรณ์ตกปลาด้วยเบ็ดสายยาวซึ่งเป็นอุปกรณ์ประมงทำลายล้างได้ยาวกว่า 20 กิโลเมตรจากน้ำ และปล่อยฉลามทั้งหมด 9 ตัว หนึ่งในนั้นมีฉลามมาโก ซึ่งกำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

ปฏิบัติการตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในการสำรวจการใช้อุปกรณ์ประมงทำลายล้างอย่าง เบ็ดราว ในอุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่สิ่งที่เราพบนั้นเป็นการทำลายล้างที่เลวร้ายกว่าเดิม

ภาพนักกิจกรรมกรีนพีซ กำลังปล่อยฉลามที่ติดเบ็ดราว © Paul Hilton / Greenpeace

เราพบอะไรหลังยึดเบ็ดราวได้

เบ็ดราวคือวิธีการประมงที่ไม่ยั่งยืนเพราะสามารถฆ่าสัตว์ทะเลที่ไม่ใช่สัตว์เป้าหมายเพียงเพราะพวกมันว่ายผ่านมาในเส้นทางการวางเบ็ด ในขณะที่เรากำลังดึงสายเบ็ดราวขึ้นจากน้ำเราพบสัตว์น้ำหลายชนิดที่กำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

ทีมผู้เชี่ยวชาญของกรีนพีซ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านฉลาม ปล่อยฉลามหลายชนิด ได้แก่ :

  • ฉลามมาโก ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 1 ตัว
  • ฉลามสีน้ำเงิน 8 ตัว
  • ปลากระโทงดาบ 4 ตัว
  • ปลากระเบน 1 ตัว

ลูกเรือของเราทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อปล่อยสัตว์น้ำเหล่านี้ให้เป็นอิสระและปลอดภัย เพื่อให้พวกมันได้มีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตามเราก็รู้สึกหดหู่เมื่อคิดว่าสัตว์ทะเลอีกหลายชีวิตต้องติดเบ็ดราวที่วางไว้ในมหาสมุทรทั่วโลกและเราไม่สามารถไปช่วยชีวิตมันได้

เบ็ดราวที่เรายึดได้มาจากเรือประมงอุตสาหกรรมสัญชาติยุโรปที่เรากำลังติดตามอยู่ เรือประมงแต่ละลำที่เราติดตามนั้น เมื่อปี 2023 จับฉลามได้มากกว่า 600,000 กิโลกรัม หรือคิดเป็นประมาณ 5,527 ตัวภายในปีเดียว เรือเหล่านี้อ้างว่าต้องการจับปลาทูน่าและปลากระโทงดาบ แต่เราเห็นแล้วว่ามีฉลาม อีกทั้งยังเป็นฉลามใกล้สูญพันธุ์ ที่ถูกจับซึ่งมีทั้งตัวที่ตายแล้วและกำลังจะตาย

อันที่จริงแล้ว แค่ครึ่งชั่วโมงหลังออกสังเกตการณ์ เราก็พบฉลามมาโกสามตัวที่กำลังถูกนำขึ้นจากน้ำและถูกฆ่าบนเรือ

Blue Shark Rescue - Action against Longline Fishing, South Pacific. © Paul Hilton / Greenpeace
ภาพนักกิจกรรมกรีนพีซ กำลังปล่อยฉลามที่ติดเบ็ดราว © Paul Hilton / Greenpeace

ภารกิจของกรีนพีซครั้งนี้ สำคัญอย่างไร

อุปกรณ์ประมงทำลายล้างอย่างเบ็ดราวเป็นหนึ่งในวิธีการจับปลาที่ทำลายระบบนิเวศมากที่สุดในโลก เรือประมงจะปล่อยสายเบ็ดราวลงไปในมหาสมุทรยาวกว่า 100 กิโลเมตร สายเบ็ดนี้จะห้อยเบ็ดแหลมหลายพันอันซึ่งจะจับและคร่าชีวิตสัตว์ทะเลไม่เลือกหน้า เช่น ฉลาม เต่าทะเล นกทะเลและปลากระเบน นี่เป็นตัวอย่างของการใช้อุปกรณ์ในอุตสาหกรรมประมงทำลายล้างในมหาสมุทร

งานวิเคราะห์ฉบับใหม่จากทีมกรีนพีซเปิดเผยว่าเพียงแค่ในปี 2023 เพียงตัวเดียวเท่านั้น อุตสาหกรรมประมงยุโรปใช้เบ็ดราวจับปลาในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่เกือบ 70% เป็นฉลามสีน้ำเงิน ซึ่งเคยเป็นฉลามที่อาศัยอยู่ทั่วโลกแต่ปัจจุบันพวกมันมีจำนวนลดลงอย่างน่าตกใจ

ภารกิจของเราในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาไม่เพียงแค่ช่วยฉลามเท่านั้น แต่นี่คือข้อความที่ส่งถึงอุตสาหกรรมประมงที่กำลังกอบโกยชีวิตสัตว์ทะเลเหล่านี้ว่า ‘ทั้งโลกจับตาดูพวกคุณอยู่’

ก้าวต่อไปในการปกป้องมหาสมุทร

การประชุมเพื่อปกป้องทะเลและมหาสมุทร อย่าง UN Ocean Conference (UNOC) ที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสเป็นประชุมที่เจรจาถึงอนาคตของมหาสมุทร การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญและพวกเราต่างเฝ้ารอผลการประชุม

กรีนพีซเรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศที่เข้าร่วมให้สัตยาบันต่อ ‘สนธิสัญญาทะเลหลวงที่มีเป้าหมายที่จะปกป้องพื้นที่มหาสมุทรให้ได้ 30% ภายในปี 2030’ ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำทั่วโลกจะต้องยกระดับและสร้างเขตคุ้มครองทางทะเลในทะเลหลวง เพื่อไม่ให้การประมงทำลายล้างเช่นนี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างลับ ๆ 

สนธิสัญญาทะเลหลวงจะเป็นใบเบิกทางให้เกิดพื้นที่คุ้มครองทางทะเลขนาดใหญ่ และป้องกันไม่ให้อุตสาหกรรมประมงทำลายล้างเข้ามาทำลายพื้นที่ดังกล่าวได้ เพื่อให้ทะเลได้ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์คืนมา

Longliner Documentation in the South Pacific Ocean. © Paul Hilton / Greenpeace
ภาพเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์กำลังแล่นคู่ขนานกับเรือ Playa Zahara เรืออุตสาหกรรมประมงสัญชาติสเปน เพื่อเป็นประจักษ์พยานต่ออาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อมอย่างการประมงทำลายล้าง © Paul Hilton / Greenpeace

กรีนพีซทำงานปกป้องทะเลและมหาสมุทรอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 50 ปี และเรายังคงทำงานในประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง

เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่เรือรณรงค์ของกรีนพีซ ทั้งเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ และเรือโอเชียเนีย เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่เผชิญหน้าและหยุดการทำลายล้างของอุตสาหกรรม รวมทั้งปกป้องโลกของเราไปพร้อมกัน แม้ว่าเราจะถูกบุกยึด ถูกวางระเบิดและถูกกักเรือ แต่เราจะไม่หยุดปกป้องมหาสมุทรสีน้ำเงิน

เราอยากชวนทุกคนมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลทั่วโลกให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาทะเลหลวง เพื่ออนาคตของมหาสมุทรโลก

Piya Thedyaem Calls for Ocean Protection at UNOC3 in Nice, France. © Pierre Larrieu / Greenpeace
ร่วมปกป้องมหาสมุทรโลก

เราอยากชวนทุกคนมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลทั่วโลกให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญา เพื่ออนาคตของมหาสมุทรโลก


บทความนี้แปลจากบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ อ่านต้นฉบับ