เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) หรือเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูกที่เน้นผลิตอย่างรวดเร็วเพื่อตามเทรนด์ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้นทำลายสิ่งแวดล้อม ทางออกที่ยั่งยืนกว่าคือการไม่สนับสนุนแฟชั่นและเสื้อผ้าที่ใส่เพียงไม่กี่ครั้งแล้วทิ้ง ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ กรีนพีซ เยอรมนี เผยว่า กฎหมายคัดค้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นคือทางออกที่สามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศเยอรมนี 

Fast Fashion and Waste Colonialism - Waste on Shore in Ghana. © Kevin McElvaney / Greenpeace
Plastic waste and textile waste on the shores of Accra near Korle Lagoon. The fashion industry has a massive plastic problem that it outsources to countries in the Global South, where textile waste pollutes the environment. Ghana is one of the world’s largest consumers of second-hand textiles. A good 120,000 tonnes of second-hand clothing from Asia, North America and Europe end up in the West African country every year. More than half of the clothing is inferior disposable goods with no resale value – much of it is made of plastic.
© Kevin McElvaney / Greenpeace

เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นอาจมีราคาถูก แต่ต้นทุนที่แท้จริงกลับตกอยู่กับสิ่งแวดล้อม แรงงาน และคนรุ่นหลัง ผู้บริโภคจำนวนมากกลับไม่ถูกใจกับสินค้าที่ซื้อมา เสื้อผ้าที่ดูน่าซื้อในโฆษณานั้น โดยมากถูกทิ้งทั้งที่ป้ายราคายังติดอยู่หรือแทบไม่เคยสวมใส่เลย เสื้อผ้าแฟชั่นถูกทิ้งเหล่านี้กลายเป็นภูเขาขยะที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน กลายเป็นวิกฤตไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ซ้ำยังผลิตขึ้นจากการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม

“อีกไม่นาน แบรนด์แฟชั่นจะโหมโฆษณาโปรโมชั่นในช่วง Black Week อีกครั้ง ฟาสต์แฟชั่นสะท้อนทุกอย่างที่ผิดพลาดในรูปแบบการบริโภคของเรา ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าล้นเกิน ความโลภ และการก่อมลพิษ กฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นพร้อมมาตรการที่เข้มงวดเท่านั้นที่จะสามารถหยุดกระแสการผลิตเสื้อผ้าล้นโลกนี้ได้”

โมริตซ์ แยเกอร์-รอชโก ผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษพลาสติกและเศรษฐกิจหมุนเวียน กรีนพีซ เยอรมนี

กฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นมีควรมีหน้าตาอย่างไร

เพื่อหยุดความบ้าคลั่งของอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น กรีนพีซเรียกร้องให้กฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นนำกลไกทางกฎหมายที่ประเทศฝรั่งเศสนำร่องไว้ ดังนี้

1. การจัดเก็บภาษีฟาสต์แฟชั่น เพื่อให้ผู้ผลิตต้องมีภาระต่อความเสียหายที่เกิดจากการผลิตล้นเกินของบริษัท
2. การส่งเสริมรูปแบบธุรกิจหมุนเวียน เช่น การยืม การแลกเปลี่ยน การซ่อมแซม หรือสินค้ามือสอง ซึ่งเป็นทางออกที่แท้จริงแทนที่สินค้าราคาถูกอายุสั้น
3. การห้ามโฆษณา รวมถึงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้บริษัทเสื้อผ้าต่าง ๆ ขาดเครื่องมือสำคัญที่สุดในการผลักดันการบริโภคฟาสต์แฟชั่น

Fast Fashion Dumpsite in Sa Kaeo. © Wason Wanichakorn / Greenpeace
© Wason Wanichakorn / Greenpeace

มาตรการดังกล่าวนี้สามารถยับยั้งฟาสต์แฟชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะเป็นก้าวสำคัญสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างแท้จริง กล่าวคือ ขยะน้อยลง เสื้อผ้าที่ทนทานและมีคุณภาพมากขึ้น แทนการเดินหน้าการผลิตแฟชั่นราคาถูกและอายุใช้งานสั้น 

นักกิจกรรมกรีนพีซได้รวมตัวกันที่กรุงเบอร์ลินเมื่อเดือนตุลาคม 2568 เพื่อเรียกร้องกฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น โดยได้จัดวางรูปปั้นสร้างจากเสื้อผ้าสูงห้าเมตร งานศิลปะชิ้นนี้ออกแบบโดยศิลปิน เอมานูเอเล จาเน โมเรลลี สร้างขึ้นจากเสื้อผ้าที่กรีนพีซเก็บมาจากภูเขาขยะในตลาดกันตามันโต เมืองอักกรา ประเทศกานา ตลาดแห่งนี้เป็นหนึ่งในตลาดเสื้อผ้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเสื้อผ้าที่ผ่านการใช้แล้ว รวมถึงเสื้อผ้าจากเยอรมนี กำลังมีส่วนทำให้เกิดมลพิษปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ

SHEIN Pop Up Store in Munich. © Maria irl / Greenpeace
The textile retailer SHEIN has opened a 5-day pop-up shop in the Forum Schwanthaler Höhe in Munich. SHEIN is a mail order company that offers fast fashion online for a young target group.
© Maria irl / Greenpeace

รายงานด้านความเห็นทางกฎหมายที่กรีนพีซรวบรวมนั้นต่างให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า กลไกต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นในทางปฏิบัติแล้วสามารถเป็นมาตรการทางกฎหมายได้จริง

กฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจะเป็นกลไกสำคัญ เนื่องจากตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมเสื้อผ้าทั่วโลกมีการผลิตเพิ่มขึ้นถึงกว่าสามเท่า โดยในแต่ละปีมีการผลิตเสื้อผ้าสูงถึง 180 พันล้านชิ้น โดยร้อยละ 40 ของการผลิตนั้นไม่ถูกขายและต้องถูกทำลาย ขณะเดียวกันนั้นอายุการสวมใส่เสื้อผ้าชิ้นเดิมนั้นก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ โดยกว่าร้อยละ 60 ของเสื้อผ้ามือสองในเยอรมนีนั้นถูกส่งไปต่างประเทศ ซึ่งมักลงเอยในหลุมฝังกลบหรือแม่น้ำ

Fast Fashion and Waste Colonialism in Ghana. © Kevin McElvaney / Greenpeace
© Kevin McElvaney / Greenpeace

หลังจากนี้งานศิลปะภูเขาเสื้อผ้าชิ้นนี้จะเดินทางต่อไปอีกกว่า 25 เมืองทั่วเยอรมนี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงผลกระทบจากแฟชั่นใช้แล้วทิ้ง และความเร่งด่วนของกฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น

Packaging Waste and Textiles from SHEIN. © Jana Kuehle / Greenpeace
Textiles, shoes and plastic packaging waste from SHEIN. SHEIN is a controversial online retailer of fashion and sporting goods from Singapore that operates internationally. SHEIN sells fast fashion that is designed at high speed, manufactured in China and sold at low prices.
© Jana Kuehle / Greenpeace

ราคาที่แท้จริงของเสื้อผ้าราคาถูก

  • ในแต่ละปีทั่วโลกมีขยะสิ่งทอเกิดขึ้นมากกว่า 120 ล้านตัน
  • ใยโพลีเอสเตอร์ที่ใช้ผลิตเส้นใยเสื้อผ้าคือพลาสติกแปรรูป โดย 2 ใน 3 ของเส้นใยสิ่งทอที่ใช้ทั่วโลกเป็นเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งก่อมลพิษให้มหาสมุทรและเป็นอันตรายต่อสัตว์
  • สภาพการทำงานในโรงงานมักไม่มีมนุษยธรรม การใช้แรงงานเด็ก ค่าแรงต่ำ และสภาพการทำงานที่อันตราย โดยยังคงพบปัญหาดังกล่าวได้ทั่วไปในประเทศผู้ผลิต
  • เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นก่อคาร์บอนไดออกไซด์กว่าหนึ่งพันล้านตันต่อปี โดยอุตสาหกรรมแฟชั่นทั่วโลกมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกราวร้อยละ 8 ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งมากกว่าการปล่อยก๊าซจากการบินและการขนส่งทางเรือทั่วโลกรวมกัน

จากภูเขาคอนเทนเนอร์เสื้อผ้ามือสองสู่ภูเขาขยะในกานา

เสื้อผ้าแฟชั่นที่เพิ่งเป็นที่ต้องการไม่นานมานี้มักถูกทิ้งอย่างรวดเร็ว ถังรับบริจาคเสื้อผ้าที่เต็มล้นคือหลักฐานของปรากฏการณ์นี้ และความตั้งใจที่จะมอบชีวิตใหม่ให้เสื้อผ้าเก่ามักไม่เป็นไปตามหวัง ในแต่ละวันมีเสื้อผ้ามือสองจำนวนมหาศาลจากเยอรมนีถูกส่งไปยังเมืองอักกรา ประเทศกานา เพื่อขายต่อในตลาด ทว่า การสืบสวนของกรีนพีซในปี 2567 เผยว่าเสื้อผ้าจำนวนมากถูกทิ้งในแม่น้ำของกานา และลงสู่ทะเลในที่สุด การบริโภคเกินขนาดของเรากำลังก่อให้เกิดภูเขาขยะเสื้อผ้าโพลีเอสเตอร์อีกฟากหนึ่งของโลก ซึ่งกำลังก่อมลพิษและทำลายสิ่งแวดล้อมในระดับที่ยากจะจินตนาการได้

Fast Fashion and Waste Colonialism - Banner on Beach in Ghana. © Kevin McElvaney / Greenpeace
© Kevin McElvaney / Greenpeace

มายาคติของอุตสาหกรรมแฟชั่น: “จิตสำนึก” และรีไซเคิล

แบรนด์แฟชั่นจำนวนมากสร้างภาพลักษณ์ความยั่งยืนด้วยการโฆษณาคอลเล็กชั่น “Conscious” สร้างภาพลักษณ์การสวมใส่เสื้อผ้าด้วยจิตสำนึก หรือคอลเล็กชันที่กล่าวว่าผลิตจากวัสดุรีไซเคิล แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เส้นใยผสม การใช้สารเคมี และการผสมวัสดุเส้นใยต่างชนิดกัน ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรีไซเคิลจริง แคมเปญการตลาดราคาแพงปิดบังความจริงนี้ การบริโภคเกินขนาดและวัฒนธรรมใช้แล้วทิ้งของอุตสาหกรรมแฟชั่นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ผ่านการโฆษณา ความยั่งยืนจะต้องไม่เป็นเพียงคำโปรยสินค้า  การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเริ่มตั้งแต่ ขั้นตอนการออกแบบ (เช่น ดีไซน์ที่ไม่ใช้เส้นใยผสมในเสื้อผ้า) กระบวนการผลิต และความรับผิดชอบของผู้ผลิต

ทางออกคือสโลว์แฟชั่น: เสื้อผ้าที่ทนทาน เน้นซ่อมแซม การแลกเปลี่ยน และการนำกลับมาใช้ใหม่ ผู้ที่บริโภคอย่างมีสติมักใช้งานเสื้อผ้าแต่ละชิ้นยาวนาน และส่งต่อมอบชีวิตที่สองหรือสามให้เสื้อผ้า ช่วยปกป้องทั้งสิ่งแวดล้อมและผู้คน ซึ่งจะเป็นการหยุดวัฎจักรแห่งแฟชั่นใช้แล้วทิ้ง

กรีนพีซยังเกาะติด: จากความสำเร็จของแคมเปญ Detox สู่การต่อสู้กับฟาสต์แฟชั่น

กรีนพีซรณรงค์คัดค้านผลกระทบที่อันตรายจากสารพิษในการผลิตของอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่นมาเป็นเวลานาน และพิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้  กรีนพีซได้เริ่มต้นการต่อสู้กับสารเคมีอันตรายในอุตสาหกรรมสิ่งทอตั้งแต่แคมเปญ “Detox My Fashion” ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี 2554

การถ่ายแบบในแม่น้ำซินเทียง เมืองหางโจว ที่เต็มไปด้วยโฟมจากสารพิษในอุตสาหกรรมสิ่งทอเพื่อสื่อสารให้แบรนด์แฟชั่นตระหนักและจัดการกับปัญหาสารพิษในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม

แม้จะมีโครงการ และมาตรการเชิงกฎหมายเพื่อกำกับดูแลกำหนดและภาระรับผิดชอบของภาคธุรกิจมายาวนานหลายทศวรรษ แต่ยังคงตรวจพบสารเคมีอันตรายตกค้างในน้ำเสียจากโรงงานสิ่งทอ ในผลิตภัณฑ์ และปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ผู้สนับสนุนแคมเปญ Detox หลายแสนคนได้ร่วมขับเคลื่อนกับเราและสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กล่าวคือ ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์สิ่งทอยักษ์ใหญ่ทั่วโลก 80 ราย ซึ่งรวมถึงแบรนด์ H&M, Zara และ Adidas ให้คำมั่นโดยสมัครใจที่จะยกเลิกการใช้สารเคมีอันตรายในห่วงโซ่อุปทานของตน และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับการตรวจสอบสารพิษในน้ำเสียจากโรงงานการผลิตของบริษัท

แคมเปญ Detox นี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการลดมลพิษที่เกิดจากบริษัทสิ่งทอ โดยอุตสาหกรรมแฟชั่นได้ลงมลลดมลพิษในห่วงโซ่อุปทานการผลิตลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2021 และปรับปรุงความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลสารเคมีในน้ำทิ้งของโรงงานการผลิต

แคมเปญ Detox ยังมีส่วนช่วยในการก่อตั้งโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น OEKO-TEX หรือระบบการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์สิ่งทอระดับสากลจากสถาบันวิจัยและทดสอบสิ่งทอแห่งสากล (The International Association for Research and Testing in the Field of Textile Ecology), โครงการ Zero Discharge of Hazardous Chemicals (ZDHC) ซี่งร่วมกำหนดรายการสารเคมีอันตรายที่ห้ามใช้และห้ามตกค้างบนผลิตภัณฑ์, Detox Consortium (CID) และ Bluesign (มาตรฐานสิ่งแวดล้อมของเสื้อผ้าและสิ่งทอ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการปลอดสารพิษ (detox) ในเวลาต่อมาแคมเปญกลับพบปัญหาใหม่ นั่นคือ การผลิตเกินความจำเป็นและการบริโภคเกินขนาดในอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องเอาชนะ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปลอดสารพิษดั้งเดิมของแคมเปญ


ร่วมสนับสนุนการทำงานของกรีนพีซ

เราทำงานรณรงค์เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การวิจัยข้อมูล รายงานทางวิทยาศาสตร์ และรณรงค์กับประชาชนด้วยข้อมูลเหล่านี้