กรุงเทพฯ, 21 พฤศจิกายน 2568 – วันประมงโลกปีนี้ กรีนพีซเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกยอมรับและให้ความสำคัญกับสิทธิ ความเป็นผู้นำ และองค์ความรู้ของชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่น รวมถึงชาวประมงพื้นบ้าน โดยต้องมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการตัดสินใจเกี่ยวกับท้องทะเล สนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มประมงขนาดเล็กทั่วโลก เพราะการเห็นคุณค่าในสิทธิและภูมิปัญญาท้องถิ่น และการเปิดพื้นที่ให้ชุมชนเป็นผู้นำในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปกป้องมหาสมุทรคือสิ่งสำคัญในการไปถึงเป้าหมายการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกและปกป้องทรัพยากรในอนาคตของเรา

ชีวิตผู้คนกว่า 492 ล้านคนทั่วโลก ที่พึ่งพาการประมงขนาดเล็กในการดำรงชีวิต อาชีพของพวกเขาทำให้เกิดอาชีพอื่น ๆ สร้างการจ้างงานให้กับผู้คนกว่า 60 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 90 ของแรงงานภาคประมงทั่วโลก โดยในจำนวน 4 ใน 10 คนเป็นผู้หญิง กลุ่มชาวประมงเหล่านี้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อความมั่นคงทางอาหาร วิถีชีวิตของชุมชนชายฝั่ง รวมถึงในการปกป้องทะเลและมหาสมุทรและสภาพภูมิอากาศโลก ด้วยแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนและองค์ความรู้ดั้งเดิม กลุ่มประมงพื้นบ้านได้หล่อเลี้ยงผู้คนทั่วโลกไปพร้อมกับการดูแลทรัพยากรปลาและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลให้คงความสมบูรณ์ อีกทั้งยังช่วยปกป้องระบบนิเวศที่มีความสำคัญยิ่งในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ป่าชายเลนที่มีบทบาทในการกักเก็บคาร์บอน

แม้จะเป็นชุมชนที่คอยดูและพึ่งพาท้องทะเล แต่ชุมชนเหล่านี้กลับถูกผลักให้กลายเป็นด่านแรก ที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากการทำลายล้างทะเลและมหาสมุทร

ชุมชนชายฝั่งทั่วโลก ตั้งแต่ปาตาโกเนียไปจนถึงเซเนกัล ไทย และมหาสมุทรอินเดีย กำลังเผชิญแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปาตาโกเนียของชิลีและอาร์เจนตินา การขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมฟาร์มปลาแซลมอนก่อให้เกิดมลพิษในแหล่งน้ำ กระทบระบบนิเวศท้องถิ่น และทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องสูญเสียพื้นที่ทำกิน ขณะเดียวกันก็ผลักดันความต้องการปลาป่นและน้ำมันปลาในตลาดโลก 

ในเซเนกัลและทั่วแอฟริกาตะวันตก โรงงานผลิตปลาป่นและน้ำมันปลาเชิงอุตสาหกรรมกำลังจับปลาจากน่านน้ำชายฝั่งจนแทบไม่เหลือ ส่งผลให้ชุมชนต้องเผชิญภาวะความไม่มั่นคงทางอาหารที่รุนแรงขึ้นและต้องสูญเสียวิถีชีวิตดั้งเดิมที่มีอยู่มายาวนาน

ในประเทศไทย การทำประมงเกินขนาดและประมงผิดกฎหมายทำให้ปริมาณปลาชายฝั่งลดลงอย่างหนัก ขณะเดียวกันชุมชนก็ต้องต่อสู้กับโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ทำลายชายฝั่งและแหล่งทำกินของพวกเขา ส่วนในศรีลังกาและอินเดีย เหตุการณ์ทางทะเลที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รวมถึงผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังส่งผลร้ายแรงต่อพื้นที่เปราะบาง และยิ่งซ้ำเติมชุมชนชายฝั่งผ่านการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล คลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้น ซูเปอร์ไต้ฝุ่น และการสูญเสียแหล่งทำประมงรวมถึงโอกาสทางการท่องเที่ยวที่ชุมชนเคยพึ่งพา

นี่คือเสียงของตัวแทนชุมชนชายฝั่งจากทั่วโลก ที่ออกมาสะท้อนต่อภัยคุกคามที่ชุมชนของพวกเขากำลังเผชิญอยู่ :

“การทำลายสัตว์ทะเลใกล้สูญพันธุ์และการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศทางทะเลกำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ สิ่งนี้กำลังคุกคามทั้งความยั่งยืนของท้องทะเล และการดำรงอยู่ของชุมชนชายฝั่ง” เซลวารัตนัม ดิลักซัน ผู้ก่อตั้ง Happy Voice Hub และสมาชิกชุมชน มันนาร์ เปซาไล ประเทศศรีลังกา

“สัตว์น้ำเป็นของคนทุกคน ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้ แต่ไม่มีสิทธิทำลายอนาคตของทะเลด้วยการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน ซึ่งคือทรัพยากรในอนาคต”  ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย

“ขณะนี้สถานการณ์กำลังวิกฤต หากเรายังนิ่งเฉย ทะเลที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็อาจเสี่ยงกลายเป็นทะเลร้างได้” อับดูว์ คาริม ซอลล์ ประธานคณะกรรมการการจัดการพื้นที่คุ้มครองทางทะเล

ภัยคุกคามเหล่านี้ไม่ได้บังเอิญเกิดขึ้น แต่เกิดจากระบบการแสวงหาประโยชน์จากท้องทะเลของอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังบ่อนทำลายทั้งผู้คนและโลกใบนี้ ในหลายประเทศ กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านและชุมชนชายฝั่งผู้ขับเคลื่อนการปกป้องท้องทะเลกำลังพิสูจน์ว่าพวกเขาคือทางออก ด้วยการทวงคืนอำนาจในการดูแลทะเลหน้าบ้านของตนเอง ปกป้องแหล่งทำประมงจากแรงกดดันของอุตสาหกรรม เรียกร้องการบริหารจัดการที่โปร่งใส และเสริมสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืนซึ่งคุ้มครองอนาคตของท้องทะเล

องค์ความรู้ท้องถิ่นและแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนของชุมชนชายฝั่งเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ทะเลที่เราทุกคนต้องพึ่งพา เพราะทะเลและมหาสมุทรเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนกว่าครึ่งหนึ่งให้เราหายใจ ควบคุมสภาพภูมิอากาศ และหล่อเลี้ยงผู้คนหลายพันล้านชีวิตทั่วโลก

เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของเครือข่ายประมงขนาดเล็กทั่วโลก ณิชานันท์ ตัญธนาวิทย์ หัวหน้าโครงการรณรงค์ด้านความเป็นธรรมทางมหาสมุทรของกรีนพีซ กล่าวว่า

“วันนี้ เราขอยกย่องความเป็นผู้นำของชุมชนชายฝั่ง และยืนหยัดเคียงข้างพวกเขาในการเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ยอมรับชุมชนชายฝั่งในฐานะผู้ถือสิทธิ์โดยชอบในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทะเลและชายฝั่ง ตั้งแต่ชายฝั่งหนึ่งไปยังอีกชายฝั่งหนึ่ง เราขอเรียกร้องนโยบายที่ยึดมั่นในความรับผิดชอบและความโปร่งใสในการบริหารจัดการประมง และปกป้องชุมชนที่ปกป้องทะเลและมหาสมุทร เพราะทะเลและมหาสมุทรที่เป็นธรรมคืออนาคตเดียวที่เราต้องปกป้อง”

การร่วมยืนหยัดเคียงข้างชุมชนชายฝั่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ข้อเรียกร้องของพวกเขาจะไปถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจในระดับท้องถิ่นและระดับโลก และพวกเขาจะต้องเป็นผู้นำในการตัดสินใจในนโยบายใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทร รวมทั้งในช่วงของการประชุมสมัชชาภาคีว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ หรือ UN Convention on Biological Diversity (CBD COP17) ในปี 2569 ซึ่งจะเป็นการประชุมที่กำหนดอนาคตของมหาสมุทร ทั้งการปกป้อง ฟื้นฟู และนโยบายการกำกับการแสวงหาทรัพยากรในมหาสมุทร

สำหรับผู้ที่ต้องการร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องของชุมชนชายฝั่งทั่วโลก สามารถรับฟังเสียงของพวกเขาและส่งข้อความแสดงพลังได้ที่เว็บไซต์ Ocean Guardian ซึ่งกรีนพีซจัดทำขึ้นเนื่องในวันมหาสมุทรโลก


สำหรับสื่อมวลชน ติดต่อ
ชุติพนธ์ พิสิษฐ์ธนาดุล นักสื่อสารงานรณรงค์ด้านทะเลและมหาสมุทร กรีนพีซ ประเทศไทย

เบอร์โทร : 064-8195625 อีเมล [email protected]

Laura Bergamo, Global Communications & Engagement Lead,Ocean Justice, Greenpeace

[email protected] ; +1 438 928 5237