วิกฤตสภาพภูมิอากาศ
วิกฤตสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ขึ้นสู่บรรยากาศโลกในช่วงเวลากว่า 160 ปี
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ดูดซับและกักเก็บความร้อนที่แผ่ออกจากโลก ทำให้โลกร้อนขึ้น


1.5 ° C
คืออุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกที่ต้องคงไว้ไม่ให้เกินไปมากกว่านี้ เพื่อชะลอวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

420 ล้านคน
คือตัวเลขประชากรที่จะได้รับผลกระทบหากโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเกินกว่า 2 องศาเซลาเซียส

9 ใน 10
คือระบบนิเวศปะการังที่คาดว่าจะถูกทำลายหากโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเกินกว่า 2 องศาเซลาเซียส

การปล่อยก๊าซนี้เชื่อมโยงกับกิจกรรมของมนุษย์ทั้งจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า และการทำปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรม ในที่สุด จากภาวะโลกร้อนก็นำไปสู่วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายต่อเราและโลก
งานรณรงค์ของกรีนพีซเพื่อกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ

หยุดฟอกเขียว

ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ

ผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
กรีนพีซรณรงค์เพื่อให้โลกสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นเหตุ
เราคัดค้านทางออกที่เป็นการฟอกเขียว (Green Washing) และสนับสนุนแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ.2573 และลดลงเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2593

– ยุติการใช้พลังงานฟอสซิล – รายงานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า การใช้ถ่านหินทั่วโลกต้องลดลง 2 ใน 3 ภายในปี พ.ศ.2573 และเกือบเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2593
– ใช้พลังงานและผลิตไฟฟ้าแบบคาร์บอนต่ำในภาคการขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคเมือง
– ลดการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมที่มาจากการปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมลงร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ.2593
– ปกป้องผืนป่าโดยลดการทำลายป่าไม้ให้เป็นศูนย์ รวมถึงการดูแลผืนป่าที่มีอยู่และการอนุรักษ์ดินเพื่อขยายศักยภาพในการกักเก็บและดูดซับคาร์บอน
– ปกป้องมหาสมุทร มหาสมุทรช่วยดูดซับและกักเก็บคาร์บอน และควบคุมอุณหภูมิและสภาพอากาศของโลก
– เรียกร้องการเปลี่ยนผ่านในเชิงระบบและในมิติทางสังคม ทั้งในภาคพลังงาน ที่ดิน ระบบอาหาร การจัดการเมือง ระบบการบริโภคและภาคอุตสาหกรรม ผ่านนวัตกรรมทางสังคม พฤติกรรมของประชาชนและเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยขึ้น
การเปลี่ยนผ่านพลังงานจะต้องคำนึงถึงทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สนับสนุนงานรณรงค์ของกรีนพีซ
-

ทวงคืนสิทธิการปกป้องสภาพภูมิอากาศ หยุดการข่มขู่จากกลุ่มทุน
กรีนพีซทั่วโลกกำลังส่งเสียงและเริ่มรณรงค์แคมเปญระดับโลก ‘Time to Resist’ เพราะพวกเราคือ 99% ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่อุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่ผู้ก่อมลพิษเป็นกลุ่มคนเพียง 1% ที่เป็นผู้ก่อภาวะโลกเดือด
-

ร่วมผลักดันเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลในมหาสมุทรโลก
เราอยากชวนทุกคนมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลทั่วโลกให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญา เพื่ออนาคตของมหาสมุทรโลก
-

ยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ เพื่อสิทธิในการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง
กรีนพีซ ประเทศไทย แสดงจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสิทธิในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม และยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ สากล และกรีนพีซ สหรัฐฯ หลังจากมีคำตัดสินคดี SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพยายามของภาคธุรกิจหรือผู้มีอำนาจในการปิดปากนักเคลื่อนไหวและองค์กรภาคประชาชนผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
-

ร่วมผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง! หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติก
สนธิสัญญาพลาสติกโลกฉบับนี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลก โดยเฉพาะมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราขอเรียกร้องให้เกิดสนธิสัญญาที่มีความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน เพื่อลดการผลิตและการใช้พลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม
-

รัฐบาลไทยต้องหยุดฟอกเขียว! เพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ รัฐสภาซึ่งเป็นที่ประชุมระดับชาติของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องเป็นผู้นำประกาศ “ภาวะฉุกเฉินสภาพภูมิอากาศ (climate emergency declaration)”
-

ผืนป่าทั่วโลกกำลังวิกฤต นี่คือสิ่งที่ผู้นำโลกควรทำเพื่อปกป้องป่าในเวที COP30
กลไกกองทุน Tropical Forest Forever Facility (TFFF) เป็นความริเริ่มที่ขับเคลื่อนโดยประเทศในภูมิภาคซีกโลกใต้ (Global South) เพื่อเป็นกลไกทางการเงินในการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนและกึ่งร้อนชื้น กลไกกองทุน TFFF นี้ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกที่การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ COP28 ณ ดูไบ และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในการประชุม COP30 ของปี 2568 นี้ที่ประเทศบราซิล แนวคิดเบื้องต้นของกลไกกองทุนนี้ ได้ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว โดยเนื้อหาปรับปรุงล่าสุดถูกตีพิมพ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา
-

เหตุใดปี 2568 จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในภาคพลังงานของจีน
ทิศทางโดยรวมของจีนนั้นชัดเจนว่า พลังงานถ่านหินกำลังตายลง ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแซงหน้าการผลิตจากพลังงานความร้อนทั้งหมด ซึ่งรวมถึงถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซฟอสซิล และแหล่งพลังงานขนาดเล็กรูปแบบอื่น ๆ
