ความเดิม: ปัญหาขยะพลาสติกเริ่มกลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมไทย ภายหลังจากรัฐบาลจีนออกกฎหมายห้ามนำเข้าขยะจากต่างประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยเฉพาะการห้ามนำเข้าเศษพลาสติกต่างประเทศ นโยบายดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการรีไซเคิลขยะพลาสติกในประเทศจีนหลายรายได้ย้ายฐานการรีไซเคิลไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศไทย ดังจะเห็นได้จากปริมาณนำเข้าเศษพลาสติกที่อาจแฝงด้วยขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา จนทะลุ 5 แสนกว่าตันในปี 2561 และข่าวการจับกุมการลักลอบนำเข้าขยะพลาสติกหลายราย ที่มีการสำแดงเท็จว่าเป็น “เศษพลาสติก”
“คณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบ” ซึ่งรัฐบาลแต่งตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีการประชุมเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ได้มีมติให้ยกเลิกการนำเข้าเศษพลาสติกภายใน 2 ปี (นั่นคือห้ามการนำเข้าเด็ดขาดภายในสิ้นกันยายน 2563) และกำหนดช่วงผ่อนผันการนำเข้า 2 ปี คือระหว่างสิงหาคม 2561 ถึงสิงหาคม 2563 โดยได้กำหนดโควตาการนำเข้า ปีที่ 1 ให้นำเข้าได้ไม่เกิน 70,000 ตัน ในปีที่ 2 ให้นำเข้าได้ไม่เกิน 40,000 ตัน และปีที่ 3 คือตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2563 เป็นต้นไป ใบอนุญาตให้นำเข้าเศษพลาสติกตามโควตาเดิมจะหมดอายุลง และห้ามการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศโดยเด็ดขาด
ในช่วงเดือนกันยายน 2563 สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคม รวม 65 องค์กรได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้ “คณะอนุกรรมการการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์” รักษาคำมั่นที่จะยกเลิกการนำเข้าเศษพลาสติกเด็ดขาดตามมติคณะอนุกรรมการฯ ชุดเดิม โดยไม่ต่อโควตาการนำเข้าเศษพลาสติกอีกต่อไป แต่ต่อมา กลุ่มโรงงานได้พยายามผลักดันกระทรวงอุตสาหกรรมเรียกร้องให้มีการเปิดการนำเข้าเศษพลาสติก โดยอ้างเหตุผลว่า ขาดแคลนวัตถุดิบในประเทศ ระบุความต้องการนำเข้าเศษพลาสติกถึง 685,190 ตันต่อปี ทั้งๆ ที่ 1) ก่อนปี 2560 มีการนำเข้าเฉลี่ยไม่เกิน 56,000 ตันต่อปี และ 2) สมาคมซาเล้งฯ และวงษ์พาณิชย์ได้ออกมาระบุว่ามีวัตถุดิบในประเทศอย่างเพียงพอ
ด้วยแรงกดดันจากภาคอุตสาหกรรมและกระทรวงอุตสาหกรรม คณะอนุกรรมการการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงปรับเปลี่ยนนโยบายคือ ไม่ประกาศมาตรการ “ยกเลิกการนำเข้าเศษพลาสติกโดยเด็ดขาด” ตามมติคณะอนุกรรมการฯ เดิมที่มีขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 และกลับมีมติใหม่ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 คือกำหนดแผนควบคุมการนำเข้าเศษพลาสติก ตั้งเป้าที่จะห้ามนำเข้าในอีก 5 ปี หรือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ระหว่างนี้ให้นำเข้าได้แต่ต้องลดสัดส่วนลงทุกปีและเพิ่มสัดส่วนเศษพลาสติกในประเทศแทน โดยปี 2564 นี้ ให้นำเข้าได้ไม่เกิน 250,000 ตัน
ทางเครือข่ายฯ ยังพบว่า ขณะที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมอ้างว่าไม่ได้ให้ใบอนุญาตนำเข้าเศษพลาสติกแล้ว แต่กลับพบการนำเข้าเศษพลาสติกอย่างต่อเนื่อง อีกประมาณ 1 แสนตันเศษต่อปี โดยเป็นการนำเข้าของโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากรและเขตประกอบการเสรี (Free zone) ซึ่งมีกฎหมายควบคุมแยกต่างหาก ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่ใหญ่โตทางกฎหมาย และเป็นช่องว่างที่สนองตอบความพยายามของกลุ่มโรงงานที่เรียกร้องขอให้อนุญาตการนำเข้าเศษพลาสติกได้อย่างต่อเนื่อง
เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมและสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีความผิดหวังกับมติคณะอนุกรรมการฯ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 เป็นอย่างมาก และมีข้อสังเกตว่า การประชุมของคณะอนุกรรมการฯ ในวันดังกล่าวเป็นไปอย่างเร่งรีบและไม่มีการเชิญให้ภาคประชาสังคมหรือแม้แต่สมาคมซาเล้งฯ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเข้าร่วมในการประชุมตามปกติด้วย ทางเครือข่ายฯ เห็นว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อผ่อนผันให้นำเข้าเศษพลาสติกเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากยังคงเปิดให้มีการนำเข้าเศษพลาสติกจำนวนมากตามข้อเรียกร้องของโรงงานอุตสาหกรรมจะส่งผลกระทบต่อราคารับซื้อเศษพลาสติกในประเทศ และกระทบต่อรายได้ของซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า รวมถึงสวนทางกับนโยบายการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนภายใต้นโยบาย BCG (Bio-economy, Circular Economy, Green Economy) ของประเทศโดยตรง
เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมฯ จึงมีข้อเสนอ ดังต่อไปนี้
- ขอให้คณะอนุกรรมการการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ทบทวนและยกเลิกมติ “มาตรการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564” และประกาศนโยบายที่จะห้ามนำเข้าเศษพลาสติกภายในสิ้นปีพ.ศ. 2564 โดยเร็ว พร้อมกันนี้ขอให้กรมควบคุมมลพิษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดเวทีการพบกันระหว่างผู้ต้องการซื้อและผู้ต้องการขายเศษพลาสติก โดยสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่ายินดีให้ความร่วมมือในการจัดหาผู้ที่ต้องการขายเศษพลาสติก
- ให้มีการแก้ไขกฎหมายในเขตประกอบการเสรีและกฎหมายเขตปลอดอากร โดยห้ามการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ แต่ให้มีการใช้เศษพลาสติกในประเทศแทน
- ให้กรมการค้าต่างประเทศ ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ห้ามนำเข้าเศษพลาสติก เฉกเช่นเดียวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ ภายในปี 2565
- ต้องเข้มงวดการตรวจสอบในการนำเข้า เช่น กรมศุลกากรต้องจัดทำพิกัดย่อยของพิกัดศุลากร 39.15 สำหรับใช้กำกับการตรวจสอบการนำเข้าเศษพลาสติกและพลาสติกอื่นๆ เพื่อป้องกันการสำแดงเท็จ เพิ่มบทลงโทษผู้นำเข้าและผู้แทน (shipping) ที่สำแดงเท็จ รวมทั้งเผยแพร่ความคืบหน้าของการดำเนินคดีการจับกุมคดีลักลอบนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเมื่อพ้นช่วงผ่อนผันแล้ว ต้องห้ามนำเข้าเศษพลาสติกพิกัดศุลกากร 39.15 ทั้งหมด
- ในระหว่างที่ยังเปิดให้นำเข้าเศษพลาสติกได้ ให้นำเข้าได้เฉพาะที่เป็น “เม็ดพลาสติก” สำเร็จรูปพร้อมนำไปผลิตเป็นชิ้นงานเท่านั้น ผู้ประกอบการที่จะนำเศษพลาสติกได้จะต้องได้รับการรับรอง ISO14001 เป็นขั้นต่ำและต้องมีหลักฐานในการแสดงเพื่อพิสูจน์ว่าข้อมูลเหล่านี้มีความสอดคล้องกันตามความเป็นจริง ดังนี้ (1) แสดงงบดุลการซื้อ, งบดุลการขาย, งบดุลการเสียภาษีสรรพากร ย้อนหลัง 3 ปี และ (2) แสดงตัวเลขการส่งออกและตัวเลขกำลังการผลิตที่แท้จริง ย้อนหลัง 3 ปี และ (3) อนุญาตให้นำเข้าเศษพลาสติกจากประเทศที่ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาบาเซลแล้วเท่านั้น
- กระทรวงอุตสาหกรรมต้องไม่มีนโยบายรับการลงทุนอุตสาหกรรมรีไซเคิลจากต่างประเทศที่ใช้ไทยเป็นฐานการแปรรูปเศษวัสดุจากต่างประเทศแล้วส่งออก การลงทุนแบบนี้สร้างความไม่เป็นธรรมและสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรงต่อประเทศไทยเพราทิ้งกากของเสียและมลพิษให้กับประชาชนไทย ให้มีการทบทวนกฎหมายเขตปลอดอากรและเขตประกอบการเสรีและเร่งรัดประเมินมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมโรงงานและแสดงหลักฐานว่าโรงงานที่มีการนำเข้าเศษพลาสติกและเศษวัสดุต่างๆ ได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากน้อยเพียงใดทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม มีการเสียภาษีอย่างครบถ้วนหรือไม่
- ขอให้คณะอนุกรรมการฯ เพิ่มผู้แทนสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าและองค์กรภาคประชาสังคมเข้าร่วมเป็นกรรมการหรือคณะทำงานด้วย เพื่อสร้างความสมดุลของนโยบาย โดยคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนและระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้ผู้แทนภาคประชาสังคมร่วมในการติดตามตรวจสอบการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรมด้วย
ภาคผนวก ข้อมูลประกอบ
วันเดือนปี | เหตุการณ์สำคัญ |
7 กุมภาพันธ์ 2539 | ภาครัฐเริ่มควบคุมการนำเข้าเศษพลาสติกโดยจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหรรมก่อนประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 112) พ.ศ. 2539ข้อ 3. ให้เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ซึ่งเป็นพลาสติกไม่ว่าใช้แล้วหรือไม่ก็ตาม ตามพิกัดอัตราศุลกากรขาเข้าประเภทที่ 39.15 เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรข้อ 4. จะอนุญาตให้นำเข้าได้ตามความเห็นชอบของกระทรวงอุตสาหกรรม |
19 เมษายน 2539 | ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ในการอนุญาตให้นำเศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ซึ่งเป็นพลาสติกไม่ว่าใช้แล้วหรือไม่ก็ตามเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2539เศษพลาสติกที่นำเข้าจะต้องนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงาน เศษพลาสติกแต่ละชนิดที่นำเข้าจะต้องแยกเป็นสัดส่วนไม่ปะปนกัน และต้องผ่านการบดหรือตัดโดยมีขนาดความยาวสูงสุดไม่เกิน 2 ซม.โดยประมาณเศษพลาสติกต้องนำเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องผ่านกระบวการทำความสะอาดอีกกรอ.จะอนุญาตให้นำเข้าเศษพลาสติกจากประเทศที่ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาบาเซลแล้วเท่านั้น |
18 ธันวาคม 2549 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ฯ พ.ศ. 2549 (เนื้อหาหลักเหมือนกับประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม 2539) |
21 มกราคม 2551 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ฯ พ.ศ. 2551 (เนื้อหาหลักเหมือนหลักเกณฑ์ ปี 2539 แต่ไม่มีเรื่องให้นำเข้าเฉพาะจากประเทศที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาบาเซล เปิดให้นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาบาเซล) |
27 กรกฎาคม 2560 | – ประเทศจีนประกาศห้ามนำเข้าขยะจากต่างประเทศ (Prohibition of Foreign Garbage Imports) ห้ามนำเข้าขยะ 24 ชนิด รวมถึงขยะพลาสติก – ผู้ประกอบการรีไซเคิลจีนออกไปลงทุนตั้งโรงงานในต่างประเทศ รวมทั้งประเทศในอาเซียนและไทย |
มิถุนายน 2561 | – 1 มิ.ย. ตรวจค้นโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังลักลอบนำเข้าขยะพลาสติกมาแปรรูป โดยสำแดงเท็จว่าเป็นเศษพลาสติก- 22 มิ.ย. ตรวจค้นโรงงานผลิตพลาสติก จ.ชลบุรีลักลอบนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศจีน |
23 กรกฎาคม 2561 | ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง ยกเลิกหลักเกณฑ์ วิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตให้นำเศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ซึ่งเป็นพลาสติกไม่ว่าใช้แล้วหรือไม่ก็ตามเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 แต่ยังให้โรงงานที่มีโควต้าเดิมนำเข้าได้จนถึงกันยายน 2563 |
2561-2562 | – ปี 2561 ปริมาณนำเข้าเศษพลาสติกสูงสุด 552,912 ตัน – ปีงบประมาณ 2561-2562 กรมศุลกากรจับกุมคดีลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก รวม 103 คดี และใช้วิธีระบายของกลางด้วยการเปิดประมูล |
11 กันยายน 2562 | คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก |
29 พฤศจิกายน 2562 | คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติยกเลิกคำสั่งคกก.สวล.แห่งชาติ 8/2562 และให้แต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์” ที่มี รมต.ทส.เป็นประธานและปลัด ทส.เป็นรองประธาน |
กันยายน 2563 | สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าและองค์กรภาคประชาสังคม 65 องค์กรเคลื่อนไหวคัดค้านการต่อโควตานำเข้าเศษพลาสติกที่สิ้นสุดเดือนกันยายน 2563 |
หลังกันยายน 2563 | ยังคงพบการนำเข้าเศษพลาสติก โดยเป็นการนำเข้าในเขตปลอดอากรและเขตประกอบการเสรี (ปัจจุบัน เขตประกอบการเสรีที่มีสำนักงานศุลกากรตั้งอยู่มี 12 แห่ง อาทิ นิคมฯ ลาดกระบัง นิคมฯ บางปู) (ข้อสังเกต คือ โรงงานที่พบการลักลอบนำเข้าขยะพลาสติก ปี 2561 ตั้งอยู่ในนิคมฯ ลาดกระบัง) |
1 มกราคม 2564 | ข้อแก้ไขอนุสัญญาบาเซลเพิ่มการควบคุมการเคลื่อนย้ายขยะพลาสติกข้ามแดน มีผลใช้บังคับ เพิ่มข้อ A3210 ใน Annex VIII กำหนดประเภทขยะพลาสติกที่สันนิษฐานว่าเป็นขยะอันตรายต้องผ่านกระบวนการแจ้งและขอความยินยอมล่วงหน้าจากประเทศนำเข้า (Prior Informed Consent: PIC) |
25 มกราคม 2564 | กรมโรงงานอุตสาหกรรมรายงานข้อมูลปริมาณความต้องการนำเข้าเศษพลาสติกในโรงงานที่มีความพร้อม 46 แห่ง กำลังการผลิตรวม 530,000 ตันต่อปี ระบุปริมาณความต้องการนำเข้าเศษพลาสติก 685,190 ตันต่อปี ส่วนใหญ่เป็น PET, PE, PP และอื่นๆคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์มีมติให้กรมควบคุมมลพิษนำเสนอมาตรการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาต่อไป ดังนี้กำหนดการนำเข้าเศษพลาสติกในปี 2564 ในปริมาณ 250,000 ตันต่อปี ลดปริมาณการนำเข้าเศษพลาสติก ปีละ 20% และห้ามนำเข้าเศษพลาสติก 100% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ให้กรมการค้าต่างประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากรและกรมควบคุมมลพิษประชุมหารือเพื่อออกระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้นำเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. |
25 พฤษภาคม 2564 | กรมควบคุมมลพิษออกประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง ความหมายของ “ขยะพลาสติก” และ “เศษพลาสติก” พ.ศ. 2564 |
15 มิถุนายน 2564 | โรงงานพลาสติก สัญชาติจีน จ.ราชบุรี กำลังการผลิต 32,000 ตัน ทำหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษขอความอนุเคราะห์ออกใบอนุญาตนำเข้าเศษพลาสติก ต้องการนำเข้า 75% (PP, PA, PBT, อื่นๆ) |
25 มิถุนายน 2564 | กรมควบคุมมลพิษจัดประชุมหารือมาตรการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก ประเด็น “การนำเข้าเศษพลาสติกของผู้ประกอบการในกรณีที่ไม่มีเศษพลาสติกในประเทศหรือมีปริมาณไม่เพียงพอ” มีความเห็นร่วมกันให้- กรมศุลกากรควรจัดทำพิกัดย่อยของพิกัดศุลากร 39.15 ให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น- กรมโรงงานอุตสาหกรรมร่วมกับสถาบันพลาสติกและกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สำรวจปริมาณความต้องการนำเข้าเศษพลาสติกของโรงงานพลาสติก- กรมควบคุมมลพิษควรประสานให้มีเวทีการพบกันระหว่างผู้ต้องการซื้อและผู้ต้องการขายเศษพลาสติก เพื่อให้เกิดความสมดุลของ Demand และ Supply ในการใช้เศษพลาสติกในประเทศ |
ปริมาณการนำเข้าส่งออกเศษพลาสติก ปี 2555-2563
ที่มา: ฐานข้อมูลสถิตินำเข้าส่งออก กรมศุลกากร
รายชื่อเครือข่ายภาคประชาสังคมที่สนับสนุนความเห็นและข้อเรียกร้องในแถลงการณ์
- มูลนิธิบูรณะนิเวศ
- มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม
- กรีนพีซ ประเทศไทย
- สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า
- แผนงานขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการจัดการขยะเพื่อสุขภาวะและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
- Chula Zero Waste
- สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- นายเปรม พฤกษ์ทยานนท์ เจ้าของเพจ “ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป”
- ดร.เพชร มโนปวิตร เจ้าของเพจ “Rereef”
- กลุ่มศึกษาการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC Watch)
- กลุ่มคนรักษ์ต้นน้ำจังหวัดราชบุรี ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี
- กลุ่มคนคลองบางป่า ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี
- กลุ่มเรารักษ์ท่าถ่าน-บ้านซ่อง ต.ท่าถ่าน และ ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
- กลุ่มเรารักษ์พนม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
- กลุ่มเรารักพุม่วง ตำบลหนองชุมพล อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
- เครือข่ายเพื่อนตะวันออก วาระเปลี่ยนตะวันออก
- เครือข่ายปกป้องผืนป่าตะวันออก
- เครือข่ายประชาชนศึกษาและติดตามปัญหาขยะ
- เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดฉะเชิงเทรา /ชลบุรี / ระยอง / ปราจีนบุรี / สระแก้ว / นครนายก / ราชบุรี / เพชรบุรี
- สมัชชาแปดริ้วเมืองยั่งยืน
- องค์กรชุมชนตําบลหนองชุมพลเหนือ ต.หนองชุมพลเหนือ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี
- มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ (Foundation for AIDS Right)
- เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก
- มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน
- สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา
- มูลนิธิเครือข่ายอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก
- มูลนิธิสถาบันปฏิปัน
- มูลนิธิสืบศักดิ์สิน แผ่นดินสี่แคว
- สมาคมพัฒนาชุมชนยั่งยืน นครสวรรค์
- ศ. (เกียรติคุณ) สุริชัย หวันแก้ว
- กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch)
- มูลนิธิสุขภาพไทย
- คณะทำงานติดตามความรับผิดชอบข้ามการลงทุนข้ามพรมแดน (ETOs Watch Coalition)
- มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน
- มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
- มูลนิธิโลกสีเขียว
- มูลนิธิชีววิถี
- แนวร่วมปฏิวัติขยะสุพรรณบุรี
- Less Plastic Thailand
- มูลนิธิเพื่อนหญิง
- มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
- มูลนิธิสระแก้วสีเขียว
- สำนักข่าวธรรมรัฐจังหวัดสระแก้ว
- บงกช ภูษาธร ประชาชนกรุงเทพมหานคร
- วริศรา เมฆานนท์ชัย ประชาชนกรุงเทพมหานคร
- กลุ่มรวมพลังคนรักบ้านเกิดบางโทรัด
- Bye Bye Plastic Bags (Thailand)
- เถื่อน channel
- เครือข่ายวงษ์พาณิชย์
- บริษัท ธาอีส อีโคเลทเธอร์ จำกัด
- กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก
- สภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพัน์แห่งประเทศไทย
- เครือข่ายอากาศสะอาด
- วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ social activist artist จาก เพจ WISHULADA
- กลุ่มรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี
- กลุ่มคนรักบ้านเกิด ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
- กลุ่มสิ่งแวดล้อมภาคประชาชน ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
- กลุ่มคนสองแคว ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
- กลุ่มเพื่อนรักจักรยานบ้านพี่โสเพ็ชร์บุรี ต.บ้านหม้อ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
- ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร (องค์กรเพื่อผู้บริโภค)
- SOS Earth
- Refill Station
- Little Big Green
- ศูนย์เรียนรู้เฝ้าระวังและปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อ.เมือง จ.ระยอง
- ดร. อาภา หวังเกียรติ มหาวิทยาลัยรังสิต
- Greenery
- บริษัท มนต์รักแม่กลอง จำกัด
- ศูนย์เสริมสร้างองค์กรชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม.
- สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาต
- มูลนิธิอันดามัน
- ชมรมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง
- สมาคมฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำสาละวิน
- กลุ่มรักษ์หมู่ 1 เขาหินซ้อน ต. เขาหินซ้อน อ. พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา
- กลุ่มเฝ้าระวังน้ำผิวดิน จ. ระยอง
- กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ต. ดงมะไฟ อ. สุวรรณคูหา จ. หนองบัวลำภู
- เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคใต้
- เครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดชลบุรี
- เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่
- เครือข่ายสภาพลเมืองจังหวัดชลบุรี
- โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ (PPM)
- กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ จ. ชัยภูมิ
- กลุ่มคนเหล่าไฮงามไม่เอาเหมืองแร่ ต.เหล่าไฮงาม อ.กุฉินารายณ์ จ. กาฬสินธุ์
- กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน ต. เขาหลวง อ. วังสะพุง จ. เลย
- กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา
- กลุ่มยกระดับสินค้าชุมชน ภาคตะวันออก
- กลุ่มรักษ์บ้านแหง ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง
- กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
- มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.)
- ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น (ศพช.)
- สมาคมประมงพื้นบ้าน จังหวัดชลบุรี
- สมาคมสภาองค์กรชุมชน จังหวัดชลบุรี
- ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ทิพย์อักษร มันปาติ
- ศุภกิจ นันทะวรการ มูลนิธินโยบายสุขภาวะ
- เครือข่ายคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
- กลุ่มการศึกษาเพื่อความยั่งยืนของชีวิต welife
- กลุ่มกรีนเรนเจอร์
- ภาคีเฟมินิสต์ปลดแอก
- กลุ่ม Beach for life
- กลุ่ม Law Long Beach
- กลุ่ม LANDERS-แลนเด้อ
- กลุ่ม Patani resources
- กลุ่มโกงกาง
- กลุ่ม WhatWild สัตว์ไรนิ
- มูลนิธิสื่อประชาธรรม
- กลุ่มเยาวชนเทือกเขาเบ๊อะบละตู
- มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.)