เราน่าจะเคยได้ยินคำว่า ‘ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม’ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1760 เรื่อยมา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านจากวิถีการทำเกษตรกรรม การใช้แรงงานมนุษย์มาพึ่งพาเครื่องจักรและการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อการผลิตมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะนำความทันสมัยและเทคโนโลยีมากมาย แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกที่เพิ่มขึ้นถึง 1.2 องศาเซลเซียส


แต่ละประเทศต่างปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน โดยข้อมูลจากเว็บไซต์คาร์บอนบรีฟ ระบุถึงสถิติกลุ่มประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงที่สุดตั้งแต่ปี 1850 – 2021 คำนวนจากแหล่งกำเนิดการปล่อยก๊าซคือเชื้อเพลิงฟอสซิล และการใช้ที่ดิน
จะเห็นได้ว่ากลุ่มประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการใช้ที่ดินสามอันดับแรกได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีนและรัสเซีย ซึ่งสัมพันธ์กับการเป็นกลุ่มประเทศมหาอำนาจที่ร่ำรวย และสิ่งที่เกิดขึ้นคือก่อให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศ สร้างภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น บ่อยครั้งขึ้น เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตคนทั่วโลก
ความไม่เป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
หลายประเทศทั่วโลกต้องรับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นความสูญเสียจากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ทั้งที่พวกเขาไม่ได้เป็นกลุ่มประเทศผู้ก่อมลพิษหลัก อีกทั้งประเทศเหล่านี้เป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาซึ่งเข้าไม่ถึงทรัพยากรมากพอที่จะรับมือกับความสูญเสียและความเสียหาย รวมถึงปรับตัวในวิกฤตสภาพภูมิอากาศเช่นนี้ได้เลย
เมื่อต้องสูญเสียจากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ หลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศเริ่มเรียกร้อง “ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ” เพื่อสิทธิที่จะอาศัยอยู่ในโลกที่ปลอดภัยจากกลุ่มประเทศผู้ก่อมลพิษหลัก นอกจากนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าคำมั่นสัญญาที่กลุ่มประเทศผู้ก่อมลพิษหลักให้ไว้เกี่ยวกับแผนการที่โลกจะปรับตัวให้รับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และการบรรเทาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ดังนั้นหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจึงออกมาเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ก่อมลพิษหลักให้ความสำคัญด้านความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ


กรีนพีซ สนับสนุนความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
เพราะสภาพภูมิอากาศที่ปลอดภัยและโลกอันอุดมสมบูรณ์ล้วนเชื่อมโยงต่อเราทุกคน กรีนพีซทำงานรณรงค์เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐต้องมีนโยบายเพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศรวมทั้งสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นทาง ปราศจากการฟอกเขียวที่ไม่ใช่ทางออกสำหรับโลกของเรา
เราเรียกร้องให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันมาลงทุนในระบบพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น เราสนับสนุนระบบเกษตรกรรมยั่งยืน โดยเรียกร้องระบบอาหารที่ยั่งยืนกว่าเดิมผ่านระบบเกษตรกรรมยั่งยืนที่เน้นพืชผักที่หลากหลาย
นอกจากนี้ เรายังเรียกร้องให้อุตสาหกรรมผู้ก่อมลพิษหลักต้องชดเชยค่าความสูญเสียและเสียหาย (Loss and Damage) ให้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วซึ่งเป็นผลพวงจากมลพิษที่มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อประชาชนผู้ที่ก่อมลพิษน้อยที่สุดแต่กลับเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด
เราก็ร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศได้
ร่วมแชร์งานรณรงค์ของเราเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
ร่วมตรวจสอบการดำเนินงานของภาครัฐ รวมถึงนโยบายต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่สนับสนุนความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง

ร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
-
ทวงคืนสิทธิการปกป้องสภาพภูมิอากาศ หยุดการข่มขู่จากกลุ่มทุน
กรีนพีซทั่วโลกกำลังส่งเสียงและเริ่มรณรงค์แคมเปญระดับโลก ‘Time to Resist’ เพราะพวกเราคือ 99% ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่อุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่ผู้ก่อมลพิษเป็นกลุ่มคนเพียง 1% ที่เป็นผู้ก่อภาวะโลกเดือด
-
ร่วมผลักดันเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลในมหาสมุทรโลก
เราอยากชวนทุกคนมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลทั่วโลกให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญา เพื่ออนาคตของมหาสมุทรโลก
-
ยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ เพื่อสิทธิในการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง
กรีนพีซ ประเทศไทย แสดงจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสิทธิในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม และยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ สากล และกรีนพีซ สหรัฐฯ หลังจากมีคำตัดสินคดี SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพยายามของภาคธุรกิจหรือผู้มีอำนาจในการปิดปากนักเคลื่อนไหวและองค์กรภาคประชาชนผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
-
ร่วมผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง! หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติก
สนธิสัญญาพลาสติกโลกฉบับนี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลก โดยเฉพาะมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราขอเรียกร้องให้เกิดสนธิสัญญาที่มีความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน เพื่อลดการผลิตและการใช้พลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม
-
รัฐบาลไทยต้องหยุดฟอกเขียว! เพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ รัฐสภาซึ่งเป็นที่ประชุมระดับชาติของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องเป็นผู้นำประกาศ “ภาวะฉุกเฉินสภาพภูมิอากาศ (climate emergency declaration)”
เพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ

ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ = ความเป็นธรรมทางเพศ

“ความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ” จะช่วยให้โลก “เท่าเทียม” มากขึ้น

การประชุมด้านสภาพภูมิอากาศโลก COP
-
ใครเจ็บ…เมื่อโลกร้อนกระทบคนไม่เท่ากัน สรุปหลังงาน 99% Talk : เรื่องจริงของคนเจ็บจากโลกเดือด
นิทรรศการ โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน : 1% ก่อ 99% เจ็บ ชวนคนที่เป็นปราการด่านแรกในการรับมือกับภัยพิบัติ มาร่วมแชร์ประสบการณ์ผลกระทบที่พวกเขาพบเจอผ่านการถูกกดทับซับซ้อนในหลากหลายมิติ อาทิ เพศ เชื้อชาติ วัฒนธรรมและความจน
-
รู้ไหมว่าโลกของเราไม่ร้อนแล้ว แต่กำลัง ‘เดือด’ (ตอนที่ 2)
ตั้งแต่คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไปจนถึงโรคอุบัติใหม่ กำลังเร่งให้วิถีชีวิตนับล้านถูกทำลาย นอกจากนี้ ผลกระทบยังลุกลามไปถึงการพลัดถิ่น ความขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากร บ่อนทำลายความมั่นคงของชุมชน กรอบสิทธิมนุษยชนจึงต้องเป็นหัวใจของการแก้ปัญหา หากบรรดาผู้ก่อมลพิษยักษ์ใหญ่ของโลก (Carbon Majors) ไม่เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนของเราก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
-
รู้ไหมว่าโลกของเราไม่ร้อนแล้ว แต่กำลัง ‘เดือด’ (ตอนที่ 1)
โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและซับซ้อนขึ้นทุกวัน แต่ผลกระทบไม่ได้กระจายอย่างเท่าเทียมกัน กลุ่มคนเพียง 1% จากบรรษัทยักษ์ใหญ่ฟอสซิลเป็นผู้ก่อมลพิษ แต่คนอีก 99% ต้องรับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งคลื่นความร้อน ภัยแล้ง น้ำท่วมฉับพลัน พายุ มลพิษทางอากาศ