กรุงเทพฯ, 30 กันยายน 2568 – กรีนพีซ ประเทศไทย เปิดนิทรรศการ ‘โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน : 1% ก่อ 99% เจ็บ’ ในเทศกาล Bangkok Climate Action Week เพื่อสะท้อนความจริงว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากการกระทำของบรรษัทฟอสซิลยักษ์ใหญ่ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาล ขณะที่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ต้องเป็นฝ่ายรับเคราะห์หนักที่สุด
ฐานข้อมูล Carbon Majors ชี้ให้เห็นว่าเพียง 122 บริษัทฟอสซิล สร้างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 70% ของโลก[1] แต่ผลกระทบกลับตกอยู่กับคน 99% ที่เหลือ โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง คนจนเมือง ชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ ผู้พิการ และ LGBTIQ+ ที่มักถูกละเลยจากการตัดสินใจด้านนโยบายและถูกจำกัดการเข้าถึงทรัพยากรอย่างไม่เท่าเทียม
วิริยา กิ่งวัชระพงศ์ ผู้แทนประจำกรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า
“เทศกาล Bangkok Climate Action Week คือพื้นที่ที่เปิดให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสะท้อนความจริงจากวิกฤตโลกร้อนที่ไม่เท่าเทียม กรีนพีซ ประเทศไทย จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนในการทวงคืนความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ เราเรียกร้องให้อุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่ที่สร้างวิกฤตต้องรับผิดชอบอย่างแท้จริง เพราะต้นเหตุของปัญหาคือผู้ก่อมลพิษ และผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย”
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำที่มีความทะเยอทะยานในการตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ที่ตั้งเป้าเร็วขึ้นถึง 15 ปี จากปี 2065 (พ.ศ. 2608) เป็น 2050 (พ.ศ. 2593) แต่หากประเทศไทยยังเดินหน้าใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และกลไกชดเชยคาร์บอนที่เสี่ยงต่อการฟอกเขียวให้บรรษัทฟอสซิลยักษ์ใหญ่ เป้าหมายเหล่านี้ก็จะไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง รายงาน BloombergNEF [2] ยังระบุชัดว่า ต้นทุนพลังงานหมุนเวียนอย่างแสงอาทิตย์และลมได้ลดต่ำกว่าก๊าซฟอสซิลแล้วในหลายภูมิภาค แต่ไทยกลับยังเดินหน้าแผนลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลและโครงสร้างพื้นฐานที่ผูกมัดประเทศกับพลังงานฟอสซิลระยะยาว ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมทั้งวิกฤตสภาพภูมิอากาศและความไม่เป็นธรรมทางสังคม
มนูญ วงษ์มะเซาะห์ นักสื่อสารงานรณรงค์ด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่สะอาดและเป็นธรรม กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า
“การกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศของไทยจำเป็นต้องยึดหลักการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและออกจากรอบของยุทธิ์ศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยต้องเน้นที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากต้นทางอย่างแท้จริง ไม่ใช่การออกร่างกฎหมายหรือมาตรการที่เสี่ยงต่อการฟอกเขียว แต่ปล่อยให้บรรษัทฟอสซิลยังคงผลิตและปล่อยก๊าซต่อไปได้ เช่น การพึ่งพาตลาดคาร์บอนเครดิตหรือเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ที่ถูกใช้เป็นข้ออ้างแทนการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะที่ข้อมูลจาก BloombergNEF ชี้ชัดแล้วว่าพลังงานหมุนเวียนมีต้นทุนต่ำกว่าก๊าซฟอสซิล รัฐบาลไทยจึงควรเร่งกำหนดนโยบายที่บังคับให้ผู้ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบ และเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เป็นธรรม เพื่อปกป้องสิทธิในการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยของประชาชน”
นอกจากการจัดแสดงนิทรรศการแล้ว ภายในงานยังเวที 99% Talk : เรื่องจริงของคนเจ็บจากโลกเดือด จากนักรณรงค์ และผู้แทนกลุ่มเปราะบาง อาทิ เยาวชน ผู้หญิง LGBTIQ+ คนจนเมือง และชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ตรงจากผลกระทบโลกร้อนที่ไม่เท่าเทียม พร้อมทั้งวงเสวนาเชิงนโยบายในประเด็น ‘หลักผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย’ ที่รวมทั้งนักวิชาการ ภาคกฎหมาย ภาคประชาสังคม และนักการเมือง เพื่อสะท้อนทางออกเชิงโครงสร้างที่เท่าเทียม
นิทรรศการ ‘โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน : 1% ก่อ 99% เจ็บ’ จัดที่ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (โรงงานยาสูบเก่า) เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Bangkok Climate Action Week ครั้งแรกในประเทศไทย ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม 2568 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันผลักดันทางออกต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
#TimeToResist
#โลกร้อนไม่เท่าเทียม
หมายเหตุ
[1] ฐานข้อมูล Carbon Majors ปี2566 เผยแพร่ มีนาคม 2568: https://carbonmajors.org/briefing/The-Carbon-Majors-Database-2023-Update-31397
[2] Thailand: Turning Point for a Net-Zero Power Grid: https://assets.bbhub.io/professional/sites/24/19-05-2025_Thailand_Turning-Point-for-a-Net-Zero-Power-Grid.pdf
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
รุ่งทิพย์ กัณหริ กรีนพีซ ประเทศไทย
โทร.065 414 5029 อีเมล. [email protected]