กรีนพีซ เอเชียตะวันออก สำนักงานปักกิ่ง เฝ้าติดตามสถานการณ์พลังงานถ่านหินมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และในวันนี้สัญญาณของการสิ้นสุดยุคถ่านหินก็เริ่มชัดเจน

COP21: the Journey to Paris - Demonstration in China. © Young Xu / Greenpeace
Demonstrators at the Great Wall in China call for climate action and energy from 100% renewable sources ahead of crunch climate talks in Paris. © Young Xu / Greenpeace

กรีนพีซ เอเชียตะวันออก สำนักงานปักกิ่ง เริ่มเผยแพร่รายงานติดตามการอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินตั้งแต่ปี 2559 จนถึงวันนี้ ผ่านไปเกือบสิบปี กรีนพีซยังคงเป็นองค์กรภาคประชาสังคมระดับนานาชาติเพียงแห่งเดียวที่ทำงานด้านนี้ในจีน และยังคงเฝ้าติดตามประเด็นปัญหาถ่านหินอย่างต่อเนื่อง

วันนี้การสิ้นสุดของยุคถ่านหินในจีนเริ่มปรากฎให้เห็นไม่ไกล จากการที่จีนเป็นผู้นำระดับโลกด้านการขยายตัวของพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่เติบโตเร็วกว่าประเทศอื่น แต่การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด

การติดตามของกรีนพีซ สำนักงานปักกิ่ง พบว่า การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินของจีนลดลงอย่างมากในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคมของปีนี้ ยังมีการอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่รวม 11.29 กิกะวัตต์ ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า เพื่อเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหยุดโครงการถ่านหินใหม่ กรีนพีซจึงได้เผยแพร่รายงานการติดตามล่าสุด พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลจีนยุติการอนุมัติโครงการถ่านหินโดยเด็ดขาด

แผนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหิน: เปรียบเทียบแผนปีที่ 13 และปีที่ 14

ที่มาข้อมูล: ช่องทางการเผยแพร่ของรัฐบาล เช่น คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลการอนุมัติการลงทุนทางออนไลน์  และการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโดยกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีน ข้อมูลรวบรวมล่าสุดเมื่อ 30 เมษายน 2568

ทศวรรษแห่งการติดตามข้อมูลการอนุมัติโครงการถ่านหินในจีน

ทิศทางโดยรวมของจีนนั้นชัดเจนว่า พลังงานถ่านหินกำลังตายลง ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแซงหน้าการผลิตจากพลังงานความร้อนทั้งหมด ซึ่งรวมถึงถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซฟอสซิล และแหล่งพลังงานขนาดเล็กรูปแบบอื่น ๆ

ในปี 2563 จีนประกาศ เป้าหมายสำคัญ 2 ประการ คือ เป้าหมายลดมลพิษภายในปี 2573 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2603 ดังนั้น การลดมลพิษจากภาคพลังงานจึงเป็นก้าวสำคัญ แม้จะยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าจะถึงเส้นตายแรก แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจีนอาจสามารถลดการปล่อยสูงสุดจากภาคพลังงานลงได้ภายในปีนี้ และเรากำลังเรียกร้องให้ปักกิ่งเดินหน้าเพื่อทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงได้!

“ปี 2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับจีนในการควบคุมไม่ให้การปล่อยมลพิษจากภาคพลังงานเพิ่มสูงขึ้น” เกา หยูเหอ นักรณรงค์จากกรีนพีซ สำนักงานปักกิ่ง กล่าวระหว่างการเปิดเผยข้อมูลรายงานติดตามโครงการถ่านหินต่อสื่อมวลชนทั้งในประเทศจีนและระดับนานาชาติ

Solar Panels on Greenpeace Warehouse in Beijing. © Greenpeace / Yin Kuang
Greenpeace’s 5kw solar roof top project at its warehouse in Beijing. The project will be grid connected. This is the first batch of grid connected distributed solar project in China. © Greenpeace / Yin Kuang

ท่ามกลางยุคทองของพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในจีนและทั่วโลก การอนุมัติโครงการถ่านหินใหม่จะบั่นทอนการพัฒนาได้ จีนพึ่งพาพลังงานถ่านหินมายาวนาน ตราบใดที่ถ่านหินยังคงถูกจัดวางว่าเป็นพลังงานสำคัญในระบบของประเทศ ถ่านหินก็ยังคงจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างของพลังงานหมุนเวียนอย่างลมและแสงอาทิตย์

ดังนั้น ภารกิจของเรายังไม่สิ้นสุด เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลจีนเปิดเผยกรอบนโยบายระดับชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งควรครอบคลุมถึงกรอบเวลาที่ชัดเจนในการยุติการใช้พลังงานถ่านหิน และการยกระดับเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนสำหรับปี 2573 ให้มีความทะเยอทะยานมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ปักกิ่งสามารถบรรลุเป้าหมายได้ก่อนกำหนด พร้อมทั้งเร่งพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า (power grid) ให้มีศักยภาพรองรับพลังงานลมและแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ


บทความนี้แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ อ่านบทความต้นฉบับ