ผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศ หากเราไม่สามารถรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส (เทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม) ได้ คลื่นความร้อนสุดขั้ว จะกลายเป็นความปกติใหม่ในช่วงฤดูร้อนของหลายๆประเทศที่อยู่ในเขตร้อน ซึ่งโดยทั่วไปมีอากาศที่ร้อนอยู่แล้ว
หากอุณภูมิเพิ่มขึ้นอีก 2 องศาเซลเซียส เราจะอาศัยอยู่ในประเทศเขตร้อนไม่ได้เลย และประชากรกว่า 420 ล้านคนจะเผชิญกับผลกระทบรุนแรง


เรากำลังอยู่ในวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ในช่วงฤดูร้อนของไทย อุณหภูมิสูงสุดในแต่ละวันอาจทะลุไปมากกว่า 40 องศา เมื่อใช้แถบสี(Climate Stripe) จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวระยะยาวในประเทศไทยซึ่งชี้ชัดว่าภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นจริง

ปัจจุบัน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีของไทยอยู่ที่ 26 องศาเซลเซียส การศึกษาในปี 2563 คาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีของไทยจะเท่ากับของทะเลทรายซาฮาราภายในปี 2613 โดยสูงมากกว่า 29 องศาเซลเซียส ทำให้ไทยร้อนเกินกว่าที่จะอาศัยอยู่ได้ตลอดทั้งปี
ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอีกราวร้อยละ 15
แผ่นน้ำแข็งละลายเป็นน้ำ มวลน้ำทะเลอุ่นขึ้นและขยายปริมาตร การเปลี่ยนแปลงในเขตอาร์กติกและมหาสมุทรทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับระดับที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ประชากรกว่า46ล้านคนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งทะเลทั่วโลกจะอยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมถาวรจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
จากรายงานของกรีนพีซ เอเชียตะวันออกระบุว่าไทยมีความเสี่ยงจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น


กรีนพีซเรียกร้องการกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ
การไปให้ถึงเป้าหมาย เรารณรงค์ให้โลกต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ.2573 และลดลงเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2593 โดย
– ลด ละ เลิกการใช้ถ่านหิน – รายงานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า การใช้ถ่านหินทั่วโลกต้องลดลง 2 ใน 3 ภายในปี พ.ศ.2573 และเกือบเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2593
– การใช้พลังงานที่ชาญฉลาดขึ้น – การใช้พลังงานและการผลิตไฟฟ้าแบบ คาร์บอนต่ำในภาคการขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคเมืองคือองค์ประกอบสำคัญของการเปลี่ยนผ่านเชิงระบบ
– เปลี่ยนแปลงระบบอาหาร –โดยสนับสนุนการเกษตรกรรมยั่งยืนที่เน้นผลิตพืชผักมากขึ้น และมุ่งลดการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมที่มาจากการปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมลงร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ.2593- ปกป้องผืนป่าโดยมุ่งลดการทำลายป่าไม้ให้เป็นศูนย์ – ป่าไม้และที่ดินมีบทบาทสำคัญต่อเป้าหมายการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส รวมถึงการดูแลผืนป่าที่มีอยู่และการอนุรักษ์ดินเพื่อขยายศักยภาพในการกักเก็บและดูดซับคาร์บอน
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

แนวปะการังเกรท แบริเออร์ เผชิญกับเหตุการณ์การฟอกขาวขนาดใหญ่ครั้งที่ 7 ส่งคำเตือนที่สิ้นหวังในการยุติยุคเชื้อเพลิงฟอสซิล

‘ผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย’ ทำไมอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นตัวการก่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศจะต้องชดเชยค่าความสูญเสียและเสียหาย

เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบสุดขั้ว

กรีนพีซ ประเทศไทย ร่วมทำงานกับเครือข่ายชุมชน
เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนในหลากรูปแบบประเด็น เราส่งเสริมสันติภาพ โดยไม่รับเงินสนับสนุนจากบริษัท รัฐบาล หรือ พรรคการเมืองใด เพื่อความเป็นอิสระทางการทำงาน
เสียงของคุณช่วยปกป้องสภาพภูมิอากาศได้
-
ยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ เพื่อสิทธิในการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง
กรีนพีซ ประเทศไทย แสดงจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสิทธิในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม และยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ สากล และกรีนพีซ สหรัฐฯ หลังจากมีคำตัดสินคดี SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพยายามของภาคธุรกิจหรือผู้มีอำนาจในการปิดปากนักเคลื่อนไหวและองค์กรภาคประชาชนผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
-
ร่วมผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง! หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติก
สนธิสัญญาพลาสติกโลกฉบับนี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลก โดยเฉพาะมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราขอเรียกร้องให้เกิดสนธิสัญญาที่มีความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน เพื่อลดการผลิตและการใช้พลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม
-
รัฐบาลไทยต้องหยุดฟอกเขียว! เพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ รัฐสภาซึ่งเป็นที่ประชุมระดับชาติของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องเป็นผู้นำประกาศ “ภาวะฉุกเฉินสภาพภูมิอากาศ (climate emergency declaration)”
-
เสียงของการปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อม ต้องไม่ถูกทำให้เงียบด้วย ‘SLAPP’
มีคดี SLAPP เกิดขึ้นมากกว่า 500 คดี ทั้งคดีที่ฟ้องโดยรัฐและฟ้องโดยเอกชน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการฟ้องคดีปิดปากมากที่สุด 3 อันดับ คือกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มอุตสาหกรรมปศุสัตว์ และกลุ่มพลังงาน
-
ปลดล็อกโลก: ยุติเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อสิทธิมนุษยชนและความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
รายงานสหประชาชาติ A/HRC/59/42: ความจำเป็นเร่งด่วนในการยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม รายงานนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากวงจรชีวิตของเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้นเป็นวัฏจักรข้ามรุ่นที่รุนแรงและแผ่กระจายไปเป็นความรุนแรงของการละเมิดสิทธิมนุษยชน