
การผลักดันนโยบาย “ปฏิวัติแสงอาทิตย์บน 300,000 หลังคาเรือน” ในจังหวัดฉะเชิงเทรา คือโอกาสสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบพลังงานของประเทศ จากระบบรวมศูนย์ที่กระจุกอยู่ในมือกลุ่มทุนรายใหญ่ สู่ระบบพลังงานที่ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของและจัดการได้อย่างแท้จริง
การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า จังหวัดฉะเชิงเทรามีศักยภาพสูงในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านเรือน ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายที่เหมาะสม และมีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) เพียงพอ จังหวัดนี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าความต้องการใช้ภายในปี พ.ศ. 2581
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงมีอุปสรรคเชิงโครงสร้างหลายประการที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อให้การปฏิวัติพลังงานแสงอาทิตย์ระดับท้องถิ่นเกิดขึ้นได้จริง ได้แก่ นโยบายที่ยังเอื้อต่อกลุ่มทุนรายใหญ่ ขั้นตอนการอนุมัติที่ซับซ้อนและไม่เอื้อต่อภาคประชาชน รวมถึงการขาดกลไกทางการเงินที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเป็นธรรม
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงต้องเริ่มจากการสร้างโครงสร้างสนับสนุนในระดับท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งระบบ One-Stop Service สำหรับการติดตั้ง Solar Rooftop ที่อำนวยความสะดวกแบบครบวงจร การจัดตั้งกองทุนพลังงานสะอาดระดับท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการลงทุนของครัวเรือน การรับรองและพัฒนาศักยภาพของผู้ให้บริการติดตั้งในพื้นที่ การลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานให้เพียงพอ รวมถึงการบูรณาการเป้าหมายพลังงานชุมชนเข้าสู่แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานที่เป็นธรรมและยั่งยืนเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ข้อเสนอเชิงนโยบายนี้จำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนในการเป็นเจ้าของพลังงาน หยุดการผูกขาดพลังงานในรูปแบบใหม่ และผลักดันการพัฒนาระบบพลังงานของไทยให้เป็นธรรม ยั่งยืน และกระจายประโยชน์สู่ทุกหลังคาเรือนอย่างแท้จริง
กรอกฟอร์มเพื่อดาวน์โหลดรายงาน