ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในยุคที่ผู้คนรับรู้และเข้าใจ เข้าถึง ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะวิกฤตมลพิษพลาสติก อีกทั้งยังต้องยอมรับว่าหลายภาคส่วนเองก็พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาที่หลายครั้งดูเหมือนจะเป็นหนทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงแล้วอาจเป็นแค่การฟอกเขียวเท่านั้น
เราจึงหยิบยกหนึ่งในข้อสงสัยของผู้บริโภคเกี่ยวกับ ‘ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ’ ด้วยการทำงานร่วมกับทีมจากคณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี ทำการทดลองว่า ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์พลาสติกเหล่านี้จะย่อยสลายได้จริงหรือไม่
กรีนพีซและคณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี ร่วมทำการศึกษาว่า ผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ที่มีฉลากระบุว่าเป็น “พลาสติกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ” “Biodegradable” “พลาสติกชีวภาพชนิดพิเศษที่ผลิตจากพืช สามารถย่อยสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติ” พลาสติกที่ระบุว่าผลิตจากเทคโนโลยี BIO Mat.(Environmentally Degradable plastic 100%) และพลาสติกประเภท พอลิแลคติคแอซิด (Polylactic Acid: PLA) และพอลิบิวทิลีนซัคซิเนต (Polybutylene succinate: PBS) สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติได้จริงหรือไม่

พลาสติกนั้นเป็นไปได้จริงตามที่อ้างอิงหรือไม่ ? (อ่านและดาวน์โหลดผลทดสอบจากรายงาน Beyond the Label: DEBUNKING THE BIODEGRADABLE PLASTIC MYTH) ซึ่งการทดสอบครั้งนี้จะประสบความสำเร็จไปไม่ได้เลยหากไม่มี ผศ.เพ็ญจันทร์ ละอองมณี หัวหน้าโครงการวิจัย และ ปานระวี คชพันธุ์ (เจน) นัสชนก รวยดี (ปูน) ผู้ช่วยวิจัย คณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี เราอยากชวนทุกคนมารู้จักทีมสำคัญของรายงานชิ้นนี้
เรามารู้จักกับหัวหน้าทีมกันก่อน เธอถือเป็นคนสำคัญที่ทำให้โปรเจคนี้ซึ่งต้องทดสอบกันเป็นระยะเวลายาวนานร่วมปีประสบความสำเร็จได้ อะไรคือเบื้องหลังแรงพลังของเธอ
อ.เพ็ญจันทร์ หัวหน้าทีมวิจัยเล่าให้เราฟังว่าเพราะตนเองทำงานทางทะเลมานานและรับรู้ประเด็นวิกฤตพลาสติกในทะเล ก่อนที่จะมาทำงานที่มหาวิทยาลัยนี้ก็ทำงานที่ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) ประมาณเมื่อ 20 ปีก่อน เราต้องออกทะเลเป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ไปมหาสมุทรอินเดียเพื่อสำรวจทรัพยากรทูน่า เวลาที่เราต้องไปเก็บตัวอย่างโซนที่น้ำทะเลชนกัน เราใช้วางอวนจับปลาขึ้นมาแต่ปรากฎว่ามีขยะพลาสติกติดอวนขึ้นมาเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่เรากำลังลอยเรืออยู่กลางมหาสมุทร หรือบางรอบที่เพื่อนเราไปเขาก็ไปเจอแพขยะที่เราสามารถเอาตัวเองไปเดินบนแพนั้นได้เลย
“ตั้งแต่นั้นมาเราก็สนใจปัญหานี้ เราทำงานก็พยายามลดขยะ เก็บขยะรวบรวมไว้มาทิ้งตอนขึ้นฝั่ง นอกจากนี้เราก็เห็นปัญหาขยะพลาสติกจากหลาย ๆ ที่ เห็นสัตว์ทะเลตายเพราะขยะพลาสติก เห็นชายหาดที่ปนเปื้อนไปด้วยขยะพลาสติก เราก็รู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว สำหรับพวกเราที่ทำงานกับทะเล เราเจอปัญหานี้มาตั้งแต่ขยะพลาสติกในทะเลยังไม่เป็นข่าว”

ตอนนี้ คนเริ่มเข้าใจปัญหามลพิษพลาสติกมากขึ้น เพราะเป็นภัยคุกคามกับร่างกายของเรา ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปัญหาขยะพลาสติกยังไม่เป็นที่รู้จักขนาดนี้ อ.เพ็ญจันทร์ให้ความเห็นว่าอาจเป็นเพราะสมัยก่อนเรายังไม่รู้จักพลาสติกมากพอ เราไม่รู้ว่ามันแตกตัวเป็นพลาสติกชิ้นเล็ก ๆ หรือไมโครพลาสติกได้ เราจะเห็นแค่มันเป็นขยะชิ้นใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราทำความเข้าใจถึงผลกระทบของมันมากขึ้น เรารู้แล้วว่าพลาสติกชิ้นใหญ่เหล่านี้แตกตัวกลายเป็นพลาสติกชิ้นเล็ก เข้าไปอยู่ในท้องสัตว์ทะเล และสุดท้ายมนุษย์เองที่เป็นคนบริโภคสัตว์น้ำเหล่านี้
ส่วน เจน และ ปูน รู้จักประเด็นมลพิษพลาสติกจากการเห็นตัวอย่างจากอาจารย์เพ็ญจันทร์ ที่ลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้นักศึกษาเห็น “เวลาจัดกิจกรรมหรือมาเรียน อาจารย์จะพกกล่องข้าวพกแก้วน้ำมาเอง หรือจะมีกิจกรรมเช่นการพายเรือเก็บขยะในคลอง ส่วนการทดลองครั้งนี้เราก็มีการพูดคุยกันมาสักพักแล้วจนมาเป็นรูปเป็นร่างและเริ่มทดสอบว่าบรรจุภัณฑ์ Biodegradeble Plastic ย่อยสลายได้จริงหรือไม่”

“เรารับรู้ประเด็นเกี่ยวกับมลพิษพลาสติกมาตลอด สมัยไปฝึกงานที่พังงา เราเห็นเต่ามาเกยตื้นแล้วสำรอกออกมาเป็นเศษพลาสติก พอมาเรียน มาทำงานด้านนี้พวกเราจะรู้ข่าวเรื่องปัญหาพลาสติก ไมโครพลาสติกกันมาตลอด ศูนย์วิจัยอื่น ๆ เจอโลมาเกยตื้นบ้าง เต่าบ้าง พอผ่าท้องออกมาเจอแต่พลาสติก แล้วสุดท้ายพอเราเจอไมโครพลาสติกในร่างกายมนุษย์ นั่นคือมลพิษนี้ส่งผลกระทบกับมนุษย์ในที่สุด ซึ่งไมโครพลาสติกพวกนี้อันตรายต่อร่างกายสัตว์และมนุษย์มาก”
อะไรที่ทำให้ทีมสนใจทำการทดสอบว่า ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่อ้างว่าย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
อ.เพ็ญจันทร์เล่าให้เราฟังว่า ตอนแรกที่ได้ยินคำว่า Biodegradable Plastic (พลาสติกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ) ฟังแล้วก็ดูดีนะ (หัวเราะ) ตอนนั้นเราก็เลือกใช้พลาสติกที่อ้างว่า Biodegradable ด้วยนะ เพราะเราเองก็ไม่ได้เรียนพวกวัสดุศาสตร์มา เราก็ไม่รู้ แต่พอเรามาหาข้อมูลเพิ่ม มาอ่านเพิ่มเติมแล้ว คือพลาสติกชนิดนี้มันย่อยสลายในสภาพแวดล้อมแต่ไม่ได้ใช้เวลาสั้น ๆ พลาสติกพวกนี้จะมีส่วนผสมจากวัตถุดิบจากการเกษตร ส่วนใหญ่จะทำมาจากพืช แต่เพื่อที่จะทำให้มันมีความเหนียว คงทน ก็ต้องเติม PE, PP ซึ่งก็คือพลาสติกที่จะเป็นตัวเชื่อมให้บรรจุภัณฑ์คงทน อย่างเช่น บรรจุภัณฑ์ที่ทดลองเอาไคโตซานจากเปลือกกุ้งมาลองทำ จริง ๆ แล้วมันสามารถทำเป็นบรรจุภัณฑ์ได้เลย แต่ความคงทนน้อยกว่า สุดท้ายก็ต้องใช้พลาสติกนี่แหละที่เติมเข้าไปเสริมความแข็งแรง แต่พวกเพื่อน ๆ เราที่ทำงานทางนี้เขาก็พยายามทดลองต่อเพื่อให้อย่างน้อยเราลดปริมาณไมโครพลาสติกลง ทดแทนด้วยสารประกอบจากธรรมชาติ
เรามีโอกาสได้คุยกับทีมงานของกรีนพีซ ตอนไปร่วมกิจกรรมสำรวจแบรนด์ขยะพลาสติก (Brand Audit) ว่าตอนนี้กรีนพีซกำลังรณรงค์เรื่องอะไรบ้าง ก็มีเรื่องการตกค้างของไมโครพลาสติกที่กรีนพีซกำลังรณรงค์อยู่ ซึ่งก็ตรงกับประเด็นที่เราสนใจ เพราะข้อมูลที่ได้มาคือมีไมโครพลาสติกตกค้างในสิ่งแวดล้อมสูง ก็เลยกลายเป็นไอเดียของการทดลองเอาบรรจุภัณฑ์ Biodegradable Plastic มาฝังดิน แช่น้ำทะเลในตู้ปลา และแช่น้ำทะเลในทะเลจริงๆ เพื่อดูว่าบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ย่อยสลายหายไปได้หรือไม่ และเมื่อย่อยแล้วเป็นเพียงแค่การแตกตัวกลายเป็นไมโครพลาสติกหรือย่อยสลายหายไปได้จริงๆ

โดยตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ที่นำมาทดลองก็มี เช่น หลอดจากร้านคาเฟ่ในปั๊มน้ำมัน แก้วกาแฟจากร้านสะดวกซื้อ ถุงพลาสติกที่เราเห็นตามท้องตลาดทั่วไปที่อ้างว่าย่อยสลายได้ทางธรรมชาติ จานกระดาษ เป็นต้น
ความท้าทายของการศึกษา
เจนกับปูนอธิบายว่าการทดลองนี้เราทำการทดลองใน 3 สภาพแวดล้อม ได้แก่ สภาพแวดล้อมทะเล สภาพแวดล้อมดิน และตู้ปลาที่เป็นสภาพแวดล้อมแบบปิด เพื่อดูอัตราการย่อยสลายของตัวอย่างบรรจุภัณฑ์แต่ละชนิดว่าใช้เวลาการย่อยนานเท่าไร แต่ละเดือนย่อยสลายไปมากน้อยแค่ไหน และเราต้องเช็คว่าระหว่างกระบวนการทดสอบการย่อยสลาย มีอะไรที่หลุดปนเปื้อนหรือไม่ เช่น มีเศษไมโครพลาสติกไหม มีอะไรหลงเหลือบ้างในแต่ละเดือน

“การทดลองแบบนี้ต่างประเทศก็ทดลองทำหลายที่แล้วนะ แต่บ้านเราอาจจะยังไม่ได้ทำการทดลองแพร่หลายมากนัก ส่วนการทดลองของเราก็กำหนดให้พื้นที่ทดลองเป็นพื้นที่ธรรมชาติ ทั้งนี้เรามีการทดลองแช่พลาสติกในน้ำในตู้ปลาด้วยเพื่อทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีพลาสติกจากสภาพแวดล้อมภายนอกเข้ามาปนกับตัวอย่างการทดลองของเรา”
อ.เพ็ญจันทร์ สรุปให้เราฟังว่า “ก็มีปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้เป็นความท้าทาย เช่น อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเรามีการแช่ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ในทะเลด้วย ซึ่งเป็นการทดลองในสภาพแวดล้อมจริง แต่ว่าพายุเข้า ตัวอย่างหายไปหมดเลย (หัวเราะ) ก็ต้องแก้ปัญหากันไป เรียกว่าเราทดลองกันในสภาพแวดล้อมจริง ๆ ก็เสียดายนะ แต่ว่าเราควบคุมทะเลไม่ได้”
นอกจากนี้ อ.เพ็ญจันทร์เสริมว่า มีความท้าทายเกี่ยวกับการตรวจสอบไมโครพลาสติกด้วย เนื่องจากเราตรวจสอบชนิดของไมโครพลาสติกด้วยเครื่อง Raman Spectroscopy ซึ่งพลาสติกเหล่านี้เป็นการผสมของสารประกอบหลายชนิดในการขึ้นรูป พอเครื่องอ่านค่าแล้วทำให้เราไม่มั่นใจว่าเป็นพลาสติกประเภทไหน

“ถุงบางประเภทที่ไม่ได้ระบุชนิดพลาสติกมาด้วยโดยผู้ผลิตสกรีนติดถุงว่า รักษ์โลก พอเราใช้เครื่องอ่านค่าแล้วเราเจอแต่พลาสติก PE ซึ่งก็คือพลาสติกทั่วไปที่เอาไว้ทำถุงพลาสติกซึ่งมีโอกาสแตกตัวไปเป็นไมโครพลาสติกแน่ ๆ หรือตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่อง ซึ่งเราตรวจสอบชนิดกับเครื่องแล้วได้ออกมาว่าเป็นพลาสติกชนิด PP ซึ่งก็มีอายุขัยเป็นร้อยปี และแตกตัวเป็นไมโครพลาสติกแน่ ๆ เพียงแต่บนกล่องเขาพิมพ์ติดกล่องว่า Biodegradable Plastic”
“บรรจุภัณฑ์บางประเภทอย่าง Bioplastic ที่ทำมาจากสารประกอบจากธรรมชาติ เช่น แป้งมันสำปะหลัง หรืออ้อย ผลิตขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ปิโตรเลียมแล้ว ผ่านกระบวนการจนกลายเป็นพลาสติกประเภท PBS/PLA อย่างไรก็ตามบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ก็มีความแข็งแรงคงทนและใช้เวลานานมาก ๆ ในการย่อยเช่นกัน”
ทีมเรียนรู้อะไรบ้างจากการศึกษาครั้งนี้
พลาสติกประเภท PBS/PLA อาจย่อยได้จริง แต่มันใช้เวลานานมาก ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่มันกำลังย่อยมันอาจจะถูกสัตว์กินเข้าไป หรือปนเปื้อนไปในทะเลและมหาสมุทรก็ได้ สุดท้ายก็เป็นความเสี่ยงที่จะปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายของเราอยู่ดี หรือบรรจุภัณฑ์บางชนิดก็จะเขียนกำกับไว้ว่าสามารถย่อยสลายได้ภายใน 1 เดือน ภายใต้ระบบพิเศษ คือระบบที่มีเอนไซม์สำหรับย่อยพลาสติกชนิดนี้ ซึ่งหากบรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพแวดล้อมปกติ ก็จะไม่มีการย่อยสลายเกิดขึ้น

การทดสอบนี้ทำให้เราตระหนักถึง การลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งแล้วหันกลับมาสู่ระบบใช้ซ้ำ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ปัจจุบันที่เราไม่สามารถหลีกหนีจากการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก สิ่งที่เราทำได้คือ ลดใช้ ใช้ซ้ำ การเก็บและแยกขยะเพื่อนำเข้าสู่ระบบรีไซเคิล
ด้านเจนกับปูนเสริมว่า การทดลองนี้ทำให้เราได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วพลาสติกที่อ้างว่าย่อยสลายได้นั้น ย่อยได้จริงหรือเปล่า เพราะแม้ว่าเราจะเป็นนักวิจัยประเด็นนี้แต่ในชีวิตประจำวันปกติ พวกเราก็เป็นผู้บริโภคเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เราเห็นว่าบรรจุภัณฑ์นี้พิมพ์ว่าย่อยสลายได้ พิมพ์ว่ารักษ์โลกซึ่งเราก็สบายใจที่จะใช้ แต่การทดลองนี้เหมือนเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ยืนยันเป็นความจริงหรือไม่
“สำหรับการทดลองนี้ ระหว่างทางที่บรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย บางประเภทก็มีการแตกตัวเป็นไมโครพลาสติก แล้วลองคิดดูว่าเมื่อเกิดกระบวนการแบบนี้ขึ้นในทะเล ไมโครพลาสติกพวกนี้มันก็จะเข้าไปอยู่ในท้องปลาได้ไหม เข้าไปอยู่ในตัวสัตว์น้ำได้มั้ย เพราะมันแตกตัวออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ระหว่างกระบวนการ”

สมมติว่าถ้าเราเป็นภาครัฐ เราจะกำหนดนโยบายจัดการแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างไร
เจนกับปูนให้ความเห็นว่า ปัญหาขยะพลาสติกตามทะเลชายฝั่ง ความจริงแล้วควรจะต้องเป็นการพูดคุยเจรจาทำข้อตกลงระหว่างประเทศ เพราะหลายครั้งที่แพขยะเหล่านี้เกิดจากขยะจากหลายประเทศมารวมกัน หรือขยะจากที่อื่นลอยมาอยู่บนชายฝั่งของไทย นอกจากนี้การส่งเสริมให้คนแยกขยะ เช่น การตั้งจุดรับซื้อ – ขายขวดพลาสติก ถึงแม้จะดูเล็กน้อยแต่ก็เป็นแรงจูงใจให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมมาแยกขยะมากขึ้น
“ยังมีประเด็นเรื่องการนำเข้าขยะ อย่างเสื้อผ้าหรือรองเท้าที่นำเข้ามาเยอะมาก ส่วนที่คัดแล้วนำไปขายก็มีแต่ส่วนที่ใช้ไม่ได้แล้วล่ะ สุดท้ายก็ต้องทิ้งกลายเป็นขยะในประเทศ ปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทยเป็นปัญหาระดับวิกฤต แต่ที่ผ่านมางบประมาณที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ถูกลดลงมาโดยตลอด รัฐไทยจะต้องยกระดับแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังและควรเป็นผู้นำในการแก้ปัญหา ไม่ปล่อยให้ประชาชนช่วยกันเอง
“ในระยะยาวรัฐควรนำประเด็นนี้เข้าไปอยู่ในหลักสูตรการศึกษาด้วย เพื่อจะทำให้ประชาชนตระหนักเรื่องนี้และสนใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ทั้งนั้นรัฐเองต้องสนับสนุนระบบที่จะช่วยให้ประชาชนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่ การจัดการขยะพลาสติกก็น่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่านี้”
ด้าน อ.เพ็ญจันทร์ให้ความเห็นว่า “ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นเรื่องสำคัญ แต่การมีแรงจูงใจให้ภาคส่วนหันมาร่วมมือแก้ไขก็เป็นปัจจัยสำคัญ ร่วมมือแล้วสามารถลดต้นทุนอะไรบางอย่างได้ก็น่าจะมีคนอีกหลายกลุ่มเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหานี้ด้วย อย่างประเด็นแพขยะในมหาสมุทรที่มีขยะจากหลายประเทศมารวมกัน เข้าใจว่าภาครัฐก็มีการจัดการแก้ปัญหาขยะระหว่างประเทศอยู่ในข้อตกลงอาเซียน แต่ไม่แน่ใจว่าจะต้องยกระดับขนาดไหนถึงจะทำให้ปัญหานี้หมดไปได้จริง ส่วนในประเทศรัฐเองมี Road Map การแก้ปัญหานี้มาแล้ว อย่างไรก็ตามความจริงจังในการแก้ปัญหาจากผู้ประกอบการก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะในช่วงแรกของการประกาศ Road Map ของภาครัฐ ร้านสะดวกซื้อหลายร้านก็งดให้ถุงพลาสติกกับลูกค้า แต่พอเวลาผ่านไป อย่างที่ทราบกันดีว่าเราก็เจอกรณีการขายถุงพลาสติกให้แทน สุดท้ายเราก็จะแก้ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ดี
“หรืออย่างหลอดพลาสติกเราก็เห็นอยู่ในช่วงหนึ่งที่งดแจกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็กลับมาแจกเหมือนเดิมแล้ว แล้วหลอดเป็นสิ่งที่จัดการยาก ดังนั้นการยกระดับมาตรการให้จริงจังมากขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ”

ผลที่ได้จะให้ประโยชน์กับคนทั่วไปอย่างไรบ้าง
“เราหวังว่าคนจะเข้าใจ Biodegradable Plastic มากขึ้นว่า พลาสติกประเภทนี้ ในระยะเวลาที่เราทดสอบการย่อยสลาย (4-6 เดือน) มันก็ไม่ได้หายไป เพราะคนจำนวนมากรับรู้ว่าในเมื่อเป็น Biodegradible Plastic ก็เข้าใจว่ามันย่อยสลายหายไปได้จึงไม่ได้เตรียมตัวที่จะลดใช้ ระบบการใช้ซ้ำจึงยังจำเป็นต่อพวกเราอยู่” อ.เพ็ญจันทร์กล่าว
ส่วนผู้ช่วยวิจัย เจนและปูน ก็เสริมว่า รายงานชิ้นนี้น่าจะช่วยให้คนทั่วไปตระหนักมากขึ้นว่า บรรจุภัณฑ์บางชนิดที่อ้างว่าย่อยสลายได้ แต่ในระหว่างกระบวนการก็มีการแตกตัวเป็นไมโครพลาสติกนะ ใช้เวลานานนะ ระหว่างนี้มันอาจปนเปื้อนไปในสัตว์หรือสิ่งแวดล้อมก็ได้
สำหรับคนทั่วไปแบบเรา จะช่วยลดมลพิษพลาสติกยังไงได้บ้าง
อ.เพ็ญจันทร์ให้ความเห็นว่า แม้ว่าตอนนี้เราอาจหลีกเลี่ยงการใช้ไม่ได้ แต่เราสามารถจัดการได้เช่น การใช้ซ้ำ และการแยกขยะ “ทรัพยากรพวกนี้ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในระบบหมุนเวียน แต่ถ้าไม่ได้รับการจัดการที่ดี มันก็จะหลุดออกจากระบบแล้วไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ มันส่งผลให้ทรัพยากรในอนาคตร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ การกระทำของเราส่งผลกับคนในอนาคตด้วย ส่วนพวกเราในปัจจุบันก็จะต้องเจอกับปัญหามลพิษที่เกิดขึ้น ขยะพลาสติกชิ้นใหญ่ที่ลอยออกสู่ทะเล มันก็จะแตกตัวเป็นไมโครพลาสติกและกลับมาหาเราในสักวันหนึ่ง สัตว์อื่น ๆ เขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย พวกเขาแชร์โลกกับเราแล้วทำไมเราเอาเปรียบพวกเขาจังเลย พวกเราเองก็ต้องลดและจัดการกับขยะพลาสติกที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงด้วย”
ส่วนเจนกับปูนบอกกับเราว่า “เราเลือกลดใช้ อย่างเวลาเราไปซื้อของในห้าง เราก็จะเลือกใส่รถเข็นหรือตะกร้ามาที่รถ เลือกไม่รับถุง และถ้าไม่ลืม (ยิ้ม) เราก็จะพกแก้ว กระบอกน้ำไปซื้อกาแฟ หรือเลือกทำกับข้าวใส่กล่องใช้ซ้ำมากินแทนการสั่ง Delivery และถ้าไม่ลืมอีก (หัวเราะ) เราก็จะเอากล่องไปซื้อข้าว ลดการใช้ถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ภาครัฐและผู้ผลิตควรจะต้องมีมาตรการที่เข้มแข็งกว่านี้เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกด้วย”
รายงาน “Beyond the Label: Debunking the Biodegradable Plastic Myth”
เสนอผลการทดลองผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยทดสอบประสิทธิภาพด้านการย่อยและความเป็นไปได้ในการแตกตัวเป็นไมโครพลาสติก


ร่วมสนับสนุนการทำงานของกรีนพีซ
เราทำงานรณรงค์เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การวิจัยข้อมูล รายงานทางวิทยาศาสตร์ และรณรงค์กับประชาชนด้วยข้อมูลเหล่านี้