*บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เรามั่นใจว่าวิธีที่เราใช้ไปนั้นจะลดใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด อย่างที่ผู้เขียนตั้งใจ
“ยุ่งก็ยุ่ง ต้องเตรียมนู่นพกนี่ โอ่ยลำบากจัง… พลาสติกชิ้นสองชิ้นไม่เป็นอะไรหรอกน่า อย่าให้ท่านทราบสิ”
คำพูดพวกนี้มักอยู่ในหัวผมเสมอเมื่อเวลาใช้ชีวิตในช่วงทำงาน จันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เช้า จนเย็น เจออะไรก็อยากกินไปหมด จะใช้ชีวิตอย่างไรให้หลีกหนีพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งในฐานะพนักงานออฟฟิศอย่างเรา ๆ
ความคิดนี้เข้ามาในหัวผมในตอนที่ผมอาบน้ำในตอนเช้าวันจันทร์ ว่าอยากลองดูสักวันหนึ่งลองใช้ชีวิตแบบผลิตขยะพลาสติกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมจึงหยิบกล่องเล็กๆใส่กระเป๋า เอาไว้สำหรับรองรับความอยากกินในระหว่างการเดินทางไปทำงานในตอนเช้า
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ พอถึงสถานีบีทีเอส เจอร้านขายกล้วยนึ่ง ซึ่งผมเองชอบกินมากแต่ผมเลือกที่จะปฏิเสธทุกครั้งเพราะที่ร้านจะใส่เป็นกล่องโฟมให้ลูกค้า ผมเลยคิดในใจว่า เอาล่ะวันนี้ไม่เสียเที่ยวที่พกกล่องมา “เอากล้วย 20 บาทครับ ไม่โรยน้ำตาล ไม่ใส่มะพร้าว และใส่กล่องนี้ให้หน่อยนะครับ” ผลตอบรับคือ พี่คนขายยิ้มแล้วบอกว่าดีจังเลยเอากล่องมาใส่ด้วย
ความรู้สึกของผมหลังจากที่ซื้อกล้วยเสร็จคือ ใจมันรู้สึกพองโตแปลกๆที่วันนี้เราได้พกกล่องมาใส่ของโดยที่ไม่ได้ผลิตขยะพลาสติกเลย สิ้นสุดไปสำหรับช่วงเช้า ต่อไปเป็นการใช้ชีวิตช่วงกลางวันที่ต้องฝ่าร้านค้าข้างทางมากมาย
ผมเลือกที่จะกินข้าวร้านตามสั่งปกติแบบที่กินทุกๆวัน แต่ปัญหาหนึ่งที่มักจะพบที่ร้านข้าวคือ ความหวังดีของพนักงานร้าน ที่จะใส่หลอดพลาสติกมาให้ทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งบางร้านเลือกที่จะใช้เป็นแก้วพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเสมอ อาจเป็นเพราะพวกเขาเลือกที่จะเอาความสะดวกที่ไม่ต้องล้างแก้วและต้องคอยระมัดระวังเรื่องการแตกเสียหายของแก้วน้ำก็เป็นได้
ผมจึงรีบบอกพนักงานว่า “เอาชาเย็นครับ ไม่เอาหลอดด้วยนะครับ” เพื่อนผมก็จะบอกว่า ไม่กลัวแก้วเขาล้างไม่สะอาดหรอใช้ปากสัมผัสโดยตรงแบบนั้น ส่วนตัวก็คิดตามนะ แต่ก็ถ้าซีเรียสเรื่องนี้ผมก็พกกระบอกน้ำส่วนตัวไปด้วยทุกครั้ง สิ่งที่กังวลก็หายไปโดยปริยาย
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จระหว่างทางกลับไปทำงานต่อ ก็จะเจอร้านของกินมากมายตามรายทาง นี่คือสิ่งที่ผมได้กลับมา
แต่บางวันนั้นผมก็อดไม่ได้นะที่จะอยากกินขนมบ้างตามร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเวลาซื้อผมก็ถือกลับเลยโดยไม่ใส่ถุงพลาสติก ส่วนหีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่ได้กลับมาหลังกินจนหมดผมก็แยกทิ้งให้ถูกต้อง
จนถึงตอนเย็นกลับบ้าน บางครั้งก็อยากเดินพักผ่อนหย่อนใจ ซื้อของจุกจิก บ้างก็มีเสื้อผ้าที่อยากได้ ผมก็เลือกซื้อโดยรับเพียงแค่ตัวสินค้าที่ต้องการเท่านั้นและแจ้งพนักงานว่าขอไม่รับถุงพลาสติก
สรุปวิธีการของผมง่าย ๆ คือ
- พกกล่อง หรือกระบอกน้ำส่วนตัวติดตัวไปทุกที่เผื่อต้องใช้
- กินข้าวที่ร้านเพื่อลดการใช้กล่องพลาสติกต่างๆ และบอกพนักงานทุกครั้งว่าไม่รับหลอด
- พกถุงหรือกล่องส่วนตัว เผื่อซื้ออะไรจุกจิกติดตัวกลับมากิน
- เลือกซื้อของโดยรับแค่สินค้าที่ต้องการ และปฏิเสธที่จะรับถุงพลาสติกทุกครั้งที่ทำได้
นี่คือวิธีที่ผมลองทำดูในหนึ่งวันทำงานปกติ สิ่งที่ผมคิดต่อได้คือมันไม่ได้ยากหรือลำบากอย่างที่คิดเลย สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการวางแผนในแต่ละวัน ความตั้งใจที่จะลดใช้อย่างจริงจัง และต้องรู้จักปฏิเสธให้ติดปาก แค่นี้เราก็จะหลีกหนีขยะพลาสติกในชีวิตประจำวันได้แบบไม่ยากอย่างที่คิดไว้ ผมเชื่อว่าเรื่องง่ายๆแบบนี้ไม่ใช่เพียงแค่ผม แต่ทุกๆคนก็ทำได้เช่นกัน เพราะถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง ในอนาคตปัญหาขยะพลาสติกก็จะอยู่กับเราไปอย่างไม่รู้จบ
#BreakFreeFromPlastic
Illustration by Puchong Saelao
Discussion
ดีจังครับ นี่ก็พยายามติดกล่องเปล่า ๆ ไว้ในกระเป๋าใบนึง กระบอกน้ำอันนึง ตอนแรกก็รู้สึกชีวิตลำบากหน่อย เพื่อน ๆ เห็น ก็แปลกใจว่า มึงแม่งพกอะไรเยอะขนาดนี้ ... ทำไปสักพัก ก็ชิน แล้วไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร แม่ค้าที่เราไปซื้อของก็เเฮปปี้นะ ไม่ต้องใส่ถุงให้ หยิบขนมใส่กล่องให้เราได้เลย จุดเล็ก ๆ อ่ะครับ ต้องร่วมด้วยช่วยกัน