ยุติยุคเชื้อเพลิงฟอสซิล
จากข้อมูลของเว็บไซต์ Climate Watch ระบุว่า ในปี 2563 ภาคพลังงานเป็นกลุ่มมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุด กว่าร้อยละ 73 ส่งผลกระทบให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรง
กลุ่มทุนอุตสาหกรรมฟอสซิลยังคงมุ่งขยายโครงการก๊าซฟอสซิล ถ่านหิน ด้วยข้ออ้างด้านความมั่นคงพลังงาน ทำให้เราสูญเสียโอกาสเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่พลังงานหมุนเวียน


เชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังทำลายสภาพภูมิอากาศ
พลังงานฟอสซิลทั้ง ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ จำนวนมากตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การขุดเจาะ การขนส่ง และการผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า
นอกจากนี้โรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลยังเป็นแหล่งกำเนิดของมลพิษมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็กมากไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ปรอท (Hg) และสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เป็นต้น
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนทั่วโลกกว่า 7 ล้านคนต่อปี
แม้ว่าในปัจจุบันได้มีบางภาคส่วนหรือบางองค์กรได้นำบางเทคโนโลยีและบางมาตรการ เช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS-Carbon Capture Storage), ไฮโดรเจน Hydrogen, แอมโมเนีย (Ammonia) และการซื้อขายคาร์บอน (คาร์บอนเครดิต)
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการสนับสนุนบางกลุ่มประเทศและกลุ่มทุนอุตสาหกรรมฟอสซิลที่ต้องการยืดอายุการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้านั่นเอง สิ่งที่น่ากังวลคือความใหม่ของเทคโนโลยีที่เรายังไม่รับรู้ข้อมูลเชิงลึกและรอบด้าน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจและสนับสนุนการยืดอายุของการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เป็นหนึ่งในการฟอกเขียว


กรีนพีซเรียกร้องการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม
– เรารณรงค์ให้มีการหยุดและยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้าและเชื้อเพลิงของภาคอุตสาหกรรมและซึ่งจะก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อสภาพภูมิอากาศของโลก
– เรายังเรียกร้องให้รัฐบาลต้องหยุดการออกนโยบายและมาตรการสนับสนุนการฟอกเขียวของอุตสาหกรรมฟอสซิล และต้องปลดระวางถ่านหินภายในปี 2570 ในแผนพลังงานชาติเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม
รัฐบาลจะต้องบังคับใช้กฎหมายการทำฐานข้อมูลการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ (PRTR)
รัฐต้องควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศจากโรงไฟฟ้าฟอสซิลซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของทุกคน
กระทรวงอุตสาหกรรมและกรมควบคุมมลพิษต้องกําหนดค่ามาตรฐานPM2.5และปรอทที่แหล่งกําเนิดที่อยู่กับที่รวมถึงการตรวจวัดและรายงานการปล่อย PM2.5 และปรอทจากปล่องโรงไฟฟ้าโดยให้เป็นรายชื่อมลพิษเป้าหมาย (target substances/pollutants) ที่ถูกกำหนดขึ้นภายใต้ระบบทำเนียบการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Registers: PRTR)


พลังของทุกคนจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านพลังงานเกิดขึ้นได้
– ร่วมจับตาและติดตามข่าวสารด้านพลังงาน ศึกษาข้อมูลและตระหนักรู้ถึงกลยุทธ์การฟอกเขียว
– กดไลค์ กดแชร์ข่าวสารด้านพลังงานที่เราสนใจให้กับเพื่อน ๆ หรือครอบครัว
– ร่วมลงชื่อสนับสนุนงานรณรงค์ด้านพลังงานของกรีนพีซหรือองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
– ติดตามหรือเข้าร่วม Climate Strike หรือขบวนรณรงค์เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ
เรื่องราวเกี่ยวกับการรณรงค์ที่น่าสนใจ

สรุปการขับเคลื่อนคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ – เทพา

โลกร้อน ถ่านหิน และความกลับกลอกของรัฐไทย
ร่วมสนับสนุนงานรณรงค์ของกรีนพีซ
-
ยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ เพื่อสิทธิในการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง
กรีนพีซ ประเทศไทย แสดงจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสิทธิในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม และยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ สากล และกรีนพีซ สหรัฐฯ หลังจากมีคำตัดสินคดี SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพยายามของภาคธุรกิจหรือผู้มีอำนาจในการปิดปากนักเคลื่อนไหวและองค์กรภาคประชาชนผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
-
รัฐบาลไทยต้องหยุดฟอกเขียว! เพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ รัฐสภาซึ่งเป็นที่ประชุมระดับชาติของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องเป็นผู้นำประกาศ “ภาวะฉุกเฉินสภาพภูมิอากาศ (climate emergency declaration)”
-
เสียงของการปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อม ต้องไม่ถูกทำให้เงียบด้วย ‘SLAPP’
มีคดี SLAPP เกิดขึ้นมากกว่า 500 คดี ทั้งคดีที่ฟ้องโดยรัฐและฟ้องโดยเอกชน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการฟ้องคดีปิดปากมากที่สุด 3 อันดับ คือกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มอุตสาหกรรมปศุสัตว์ และกลุ่มพลังงาน
-
ปลดล็อกโลก: ยุติเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อสิทธิมนุษยชนและความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
รายงานสหประชาชาติ A/HRC/59/42: ความจำเป็นเร่งด่วนในการยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม รายงานนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากวงจรชีวิตของเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้นเป็นวัฏจักรข้ามรุ่นที่รุนแรงและแผ่กระจายไปเป็นความรุนแรงของการละเมิดสิทธิมนุษยชน
-
ภาคประชาสังคมเรียกร้อง กมธ.ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบและปฏิรูประบบป้องกันน้ำมันรั่วในทะเลอย่างจริงจัง หลังเกิดเหตุซ้ำซากในอ่าวไทย
กรุงเทพฯ, 11 มิถุนายน 2568 – กรีนพีซ ประเทศไทย กลุ่มศึกษาการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC Watch) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) ในฐานะขององค์กรภาคประชาสังคม ร่วมยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร[1] โดยมีคุณพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นผู้รับมอบหนังสือด้วยตัวเอง กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมเรียกร้องให้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และผลักดันการปฏิรูประบบการจัดการอุบัติภัยน้ำมันรั่วในทะเลอย่างยั่งยืนและรอบด้าน หลังเกิดกรณีท่อรับน้ำมัน SBM-2 ของบริษัทไทยออยล์ รั่วไหลซ้ำในอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี…