เปลี่ยนผ่านพลังงานที่สะอาดและเป็นธรรม
การนำเชื้อเพลิงฟอสซิลมาเป็นแหล่งพลังงานเร่งให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งกำเนิดหลักมลพิษทางอากาศ PM2.5 โดยการศึกษาในปี พ.ศ. 2553 ระบุว่า PM2.5 เป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
กรีนพีซสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดพร้อมกับการสนับสนุนจากภาครัฐที่พร้อมให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานที่สะอาดและมีราคาที่เป็นธรรม


75%
คือระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินทั่วโลก

37,500
คือตัวเลขผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรในไทยต่อปี

1.5 ° C
คืออุณหภูมิเฉลี่ยโลกที่ทั่วโลกพยายามชะลอไม่ให้เกินไปกว่านี้เพื่อลดวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
กรีนพีซรณรงค์ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เป็นแหล่งพลังงาน ผลิตไฟฟ้ารวมทั้งเป็นแหล่งเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมต่างๆ
เรารณรงค์ให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม เพื่อรับมือและต่อสู้กับภัยคุกคามจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
เราเชื่อว่า เมื่อประชาชนพร้อมเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนบวกกับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมจากรัฐบาล สังคมก็จะก้าวไปสู่โอกาสที่จะลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถชะลอภาวะโลกเดือดและรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้อย่างแท้จริง


ประเทศทั่วโลกกำลังขยายการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากระบบพลังงานหมุนเวียนอย่างขนานใหญ่ทั้งจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำขนาดเล็ก ชีวมวลสมัยใหม่และความร้อนใต้พิภพ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษต่างๆ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อกอบกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ มาร่วมกันสนับสนุนระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน
กรีนพีซรณรงค์การเปลี่ยนผ่านพลังงานหมุนเวียน
กรีนพีซสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดพร้อมกับการสนับสนุนจากภาครัฐที่พร้อมให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานที่สะอาดและมีราคาที่เป็นธรรม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการผลิตพลังงานและออกแบบนโยบายด้านพลังงานร่วมกัน จะช่วยให้เรามีโอกาสชะลอภาวะโลกเดือดและรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้จริง

งานรณรงค์เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

ยุติเชื้อเพลิงฟอสซิล

พลังงานหมุนเวียนที่สะอาด
ร่วมสนับสนุนงานรณรงค์ของกรีนพีซ
-
ยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ เพื่อสิทธิในการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง
กรีนพีซ ประเทศไทย แสดงจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสิทธิในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม และยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ สากล และกรีนพีซ สหรัฐฯ หลังจากมีคำตัดสินคดี SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพยายามของภาคธุรกิจหรือผู้มีอำนาจในการปิดปากนักเคลื่อนไหวและองค์กรภาคประชาชนผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
-
รัฐบาลไทยต้องหยุดฟอกเขียว! เพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ รัฐสภาซึ่งเป็นที่ประชุมระดับชาติของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องเป็นผู้นำประกาศ “ภาวะฉุกเฉินสภาพภูมิอากาศ (climate emergency declaration)”
-
เสียงของการปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อม ต้องไม่ถูกทำให้เงียบด้วย ‘SLAPP’
มีคดี SLAPP เกิดขึ้นมากกว่า 500 คดี ทั้งคดีที่ฟ้องโดยรัฐและฟ้องโดยเอกชน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการฟ้องคดีปิดปากมากที่สุด 3 อันดับ คือกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มอุตสาหกรรมปศุสัตว์ และกลุ่มพลังงาน
-
ปลดล็อกโลก: ยุติเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อสิทธิมนุษยชนและความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ
รายงานสหประชาชาติ A/HRC/59/42: ความจำเป็นเร่งด่วนในการยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม รายงานนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากวงจรชีวิตของเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้นเป็นวัฏจักรข้ามรุ่นที่รุนแรงและแผ่กระจายไปเป็นความรุนแรงของการละเมิดสิทธิมนุษยชน
-
ภาคประชาสังคมเรียกร้อง กมธ.ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบและปฏิรูประบบป้องกันน้ำมันรั่วในทะเลอย่างจริงจัง หลังเกิดเหตุซ้ำซากในอ่าวไทย
กรุงเทพฯ, 11 มิถุนายน 2568 – กรีนพีซ ประเทศไทย กลุ่มศึกษาการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC Watch) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) ในฐานะขององค์กรภาคประชาสังคม ร่วมยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร[1] โดยมีคุณพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นผู้รับมอบหนังสือด้วยตัวเอง กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมเรียกร้องให้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และผลักดันการปฏิรูประบบการจัดการอุบัติภัยน้ำมันรั่วในทะเลอย่างยั่งยืนและรอบด้าน หลังเกิดกรณีท่อรับน้ำมัน SBM-2 ของบริษัทไทยออยล์ รั่วไหลซ้ำในอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี…