-
สมัย พันธโครตร : พลังหญิงกับการปกป้องผืนป่าจากการแย่งยึดของรัฐโดยอ้างนโยบาย BCG
‘สมัย พันธโครตร’ คือนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิงจากกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายที่สูญเสียที่ดินไปกว่า 21 ไร่ เธอเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามายึดพื้นที่พร้อมอาวุธติดตัว รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ตัดต้นยางพารา มันสำปะหลัง ผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายห้ามเข้าพื้นที่ หากถูกจับกุมจะไม่รับผิดชอบ
-
BCG และการชดเชยคาร์บอนด้วยป่าไม้: นโยบายโลกร้อนเพื่อใคร?
ส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการ BCG แย่งยึดอะไรที่คำป่าหลาย: นโยบายฟอกเขียวในนามความยั่งยืน หรือการแย่งยึดแผ่นดินราษฎร คือเวทีเสวนาที่ชวนตัวแทนจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล พรรคการเมืองฝ่ายค้าน ตัวแทนชุมชนผู้ได้รับผลกระทบ และนักวิชาการ มาร่วมกันถกในประเด็นโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่มาพร้อมกับกลไกตลาดคาร์บอน (Carbon Market) ที่เอื้อให้บริษัทอุตสาหกรรมซื้อขายคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ได้ แต่ข้อกังวลของชุมชนผู้ได้รับผลกระทบและภาคประชาสังคมคือ การลิดรอนสิทธิมนุษยชนอันเกิดมาจากการแย่งยึดที่ดิน
-
เปิดข้อมูลวิจัย ‘นโยบายทวงคืนผืนป่า’ นำชุมชนไปสู่ ‘ความยากจนฉับพลัน’
เป็นระยะเวลากว่า 9 ปีที่เราได้ยินคำว่า ‘นโยบายทวงคืนผืนป่า’ ซึ่งประกาศใช้โดยรัฐบาลทหาร คสช. ผ่านการนำเสนอในสื่อต่าง ๆ แต่เคยทราบหรือไม่ว่าเบื้องหลังการ ‘ทวงคืน’ นี้เกิดผลกระทบอะไรบ้างนอกจากรัฐได้ผืนป่าคืน ?
-
งานวิจัยโดยกลุ่มราษฎรอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายระบุนโยบายป่าไม้ในยุคคสช.และโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นข้ออ้างเพื่อปิดล้อมและแย่งยึดที่ดิน – พื้นที่ป่าของชุมชน ก่อให้เกิดสภาวะความยากจนฉับพลันและเรื้อรังข้ามรุ่น
งานวิจัยโดยกลุ่มราษฎรอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ระบุนโยบายป่าไม้ในยุคคสช.และโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นข้ออ้างเพื่อปิดล้อมและแย่งยึดที่ดิน - พื้นที่ป่าของชุมชน ก่อให้เกิดสภาวะความยากจนฉับพลันและเรื้อรังข้ามรุ่น
-
ป่าคาร์บอน: รัฐได้ป่า เอกชนได้คาร์บอนเครดิต ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง?
บทความนี้จะพาออกสำรวจร่องรอย ที่มาที่ไปของแนวคิดการปลูกฟื้นฟูป่าเพื่อชดเชยคาร์บอนเครดิตทั้งในระดับสากลและของประเทศไทย นำเสนอให้เห็นความคืบหน้าของการปลูกฟื้นฟูป่าเพื่อชดเชยคาร์บอนของกลุ่มทุนอุตสาหกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันนี้ พร้อมทั้งการนำเสนอข้อสังเกตในประเด็นความไม่ชอบธรรม และผลกระทบของโครงการป่าคาร์บอนต่อชุมชนท้องถิ่น
-
ทางเลือกที่ไปพ้นจากระบบตลาดคาร์บอนในการจัดการก๊าซเรือนกระจก
การจัดตั้งตลาดคาร์บอนที่อ้างว่าเพื่อการจัดการก๊าซเรือนกระจกภายใต้ความตกลงปารีสนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยในแง่ของผลลัพธ์สำหรับการต่อกรกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศและวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพ เวลาแห่งการเดิมพันการชดเชยคาร์บอนนั้นสิ้นสุดลงแล้ว
-
ประกาศกองทุนปกป้องผืนป่าที่ COP28 – ความเห็นของกรีนพีซ บราซิล
การสร้างกลไกทางการเงินระดับโลกเพื่อปกป้องผืนป่าเขตร้อนนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าผู้คนทั้งโลกมีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่เพียงแต่ภูมิภาคที่มีพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ เช่น ในลุ่มน้ำแอมะซอน นอกจากนี้ กองทุน Forests Forever ยังมีสิทธิในการกําหนดว่าประเทศที่มีผืนป่ามีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการและดําเนินการตามกลไกในระดับท้องถิ่น
-
การศึกษาของกรีนพีซส่งสัญญานเตือนการขายคาร์บอนเครดิตในจีน : การชดเชยคาร์บอนไม่ช่วยกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ
รายงานฉบับล่าสุดโดยกรีนพีซ เอเชียตะวันออก แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของจีนในการรับรองและซื้อขายคาร์บอนเครดิต ในฐานะที่เป็นตลาดหลักที่ขายคาร์บอนเครดิตด้วยตัวเอง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในกลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซต่าง ๆ รวมทั้งบริษัทเชลล์ บีพี โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ปิโตรไชน่า และ ซีนุ้ค (China National Offshore Oil Corporation (CNOOC))
-
ทำไมเราต้องสงสัยพีอาร์ “ปลูกป่าลดโลกร้อน” ของกลุ่มทุนอุตสาหกรรม
บทความนี้ต้องการชี้ให้เห็นว่า การปลูกป่าลดโลกร้อนเป็นเพียงวาทกรรมการฟอกเขียวของอุตสาหกรรมผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซฟอสซิล) ซึ่งเป็นต้นตอของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การปลูกต้นไม้เชิงสัญลักษณ์นอกจากจะไม่ได้สร้างป่าธรรมชาติแล้วยังอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย
-
การแปลงผืนป่าให้เป็นคาร์บอนเครดิตไม่ช่วยลดโลกเดือด
เคยสงสัยไหมว่า อากาศก็ร้อนและแปรปรวนขึ้นทุกปี คุณภาพอากาศก็แย่ขึ้นทุกปี สิ่งแวดล้อมมีแต่แย่ลง แต่ภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมต่างพยายามบอกว่า “เราช่วยลดโลกร้อน(เดือด)ได้ ด้วยกิจกรรมชดเชยคาร์บอน”









