-
ชะลอโลกเดือด: การยุติภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศด้วยอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และนม
การเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่เพียงแค่ฟอสซิลอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ หากเราต้องการหยุดภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น เราจำเป็นต้องจำกัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และนมอย่างเร่งด่วน
-
สรุปเนื้อหารายงาน ชะลอโลกเดือด: การยุติภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศด้วยอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และนม
รายงานของกรีนพีซ นอร์ดิก “ชะลอโลกเดือด: การยุติภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศด้วยอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และนม” เผยให้เห็นเป็นครั้งแรกว่าเราสามารถชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกได้ หากรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการลดการผลิตที่ล้นเกินจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ และเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอาหารที่เป็นธรรมและยั่งยืน
-
กรีนพีซเผย บริษัทอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์นมยักษ์ใหญ่ปล่อยก๊าซมีเทนไม่แพ้อุตสาหกรรมน้ำมัน: การลดการปล่อยก๊าซมีเทนอาจช่วยชะลอภาวะโลกเดือดในทศวรรษนี้ได้
รายงาน “ชะลอโลกเดือด: การยุติภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศด้วยอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และนม” แสดงให้เห็นว่าเราสามารถชะลอภาวะโลกเดือดได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงอายุขัยของเราด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบอาหาร โดยลดการผลิตเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมเชิงอุตสาหกรรม และเพิ่มการผลิตอาหารจากพืชให้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการรับประทานอาหารของ EAT-Lancet Planetary Health ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและส่งเสริมสุขภาพทั้งของมนุษย์และโลก
-
มองน้ำท่วมในมุม Climate Injustice เมื่อกลุ่มคนที่ปล่อยคาร์บอนน้อยสุดต้องรับแบกรับผลจากภัยพิบัติจากโลกเดือดมากที่สุด
ข้อถกเถียงสำคัญที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่มและโคลนที่ตามมาจากมวลน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ภูเขา ในสายตาของสังคมพุ่งไปยังชุมชนคนกับป่าที่อาศัยอยู่บนดอยว่าเป็นต้นเหตุของการทำลายป่า อย่างไรก็ตาม สภาพภูมิอากาศสุดขั้วที่ทำให้หลายพื้นที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับพายุรุนแรงและน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้มีที่มาเพียงแค่การหายไปของพื้นที่ป่าไม้ แต่ยังเป็นผลของการก่อก๊าซเรือนกระจกมหาศาลและอย่างยาวนานของอุตสาหกรรมหลายภาคส่วน
-
“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”: ประชาชนอยู่ตรงไหนในนโยบายของแพทองธารด้านปัญหาฝุ่นพิษข้ามพรมแดน
บทความนี้นำเสนอประเด็นที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ไม่ได้ระบุในคำแถลงนโยบายต่อการแก้ปัญหาฝุ่นพิษข้ามแดน ซึ่งนอกจากจะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงแล้ว อาจซ้ำเติมปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
-
ความเป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ยังคงเลือนรางต่อไป ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ต่อรัฐสภาวันที่ 12 กันยายน 2567
check list เปรียบเทียบ ข้อเสนอนโยบายสิ่งแวดล้อมที่รวบรวมจากการทำงานรณรงค์อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมากับคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 11 กันยายน 2566 โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด
-
การชดเชยคาร์บอนภาคป่าไม้: การฟอกเขียวและการทำลายความหลากหลายทางชีวภาพการชดเชยคาร์บอนภาคป่าไม้:
คาร์บอนเครดิตคืออะไร? โครงการคาร์บอนเครดิตจะส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างไร? ใครที่ได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายคาร์บอนเครดิต? งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งทำความเข้าใจและตอบคำถามดังกล่างข้างต้น เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาท่ามกลางการผลักดันนโยบาย Net Zero และความเป็นกลางทางคาร์บอนของรัฐบาล
-
ด้วยงานวิจัยและจิตวิญญาณ: ลองฟังเสียงและข้อมูลโต้อคติไร่หมุนเวียนตัวการฝุ่นพิษภาคเหนือ
งานวิจัยในกิจกรรม “ไฟป่า ฝุ่นควัน ชาติพันธุ์ ไร่หมุนเวียน” ที่มุ่งทลายมายาคติทางสังคมต่อชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ที่ทำไร่หมุนเวียน เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษอย่างตรงจุดที่ต้นตอของปัญหาและไม่ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมของโครงสร้างทางสังคม
-
ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) คืออะไร และทำไมจึงเป็นทางออกของวิกฤตฝุ่นพิษข้ามพรมแดน
ระบบตรวจสอบย้อนกลับ หรือ traceability คือกลไกที่สำคัญมากสำหรับสิทธิในการรับรู้ข้อมูลของผู้บริโภคและทุกคนที่อาจได้รับผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทานการผลิตของสินค้า ว่าแต่ละขั้นตอนการผลิตนั้นเกี่ยวโยงกับการก่อมลพิษและการทำลายสิ่งแวดล้อมรูปแบบใดหรือไม่ เช่น การทำลายป่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น สิทธิเกษตรกร แรงงานทาส หรือสิทธิต่อการมีอากาศที่ดีสำหรับหายใจของประชาชนในพื้นที่ และการเปิดเผยข้อมูลจากการตรวจสอบย้อนกลับอย่างโปร่งใสนี้ คือภาระการพิสูจน์ความจริงที่บริษัทอุตสาหกรรมจะต้องทำ
-
ป่าไม้ จิตวิญญาณ และความเป็นผู้นำหญิงปกาเกอะญอของแม่หลวงหน่อแอ่ริ
ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นผู้นำหญิง หรือ “แม่หลวง” ในชุมชนปกาเกอะญอ ในบทสัมภาษณ์นี้กรีนพีซจะพาไปสำรวจความคิดของ หน่อแอ่ริ ทุ่งเมืองทอง ถึงความเป็นหญิงและบทบาทผู้นำชนพื้นเมืองท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งวิกฤตโลกร้อนและนโยบายของประเทศและโลกที่ยังไม่ได้ยอมรับสิทธิของผู้หญิงและชนพื้นเมืองอย่างเท่าเทียม






