ช่วงวิกฤต COVID-19 นี้ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นคือ ความสำคัญของความมั่นคงทางอาหารและเมล็ดพันธุ์ หลายคนเริ่มหันมาเป็นมือปลูก และแบ่งปันเมล็ดพันธุ์และผลผลิตให้กันและกัน ความหลากหลายทางพืชพรรณธัญญาหารเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย และการเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกต่อและส่งต่อกันเช่นนี้เป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยมาช้านาน แต่การเข้าร่วมภาคี CPTPP จะส่งผลต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนในด้านเมล็ดพันธุ์อย่างร้ายแรง
ดร.วันทนา ศิวะ นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชาวอินเดีย กล่าวว่า “หากจะยึดกุมอาหารให้ยึดกุมเมล็ดพันธุ์”
ระบบอาหารที่ถูกครอบครองโดยอุตสาหกรรมในปัจจุบันทำให้ผู้คนไม่รับรู้ข้อมูลของอาหารมากนัก และรู้จักความหลากหลายของสายพันธุ์พืชผักลดน้อยลง แต่ข้อกำหนดต่าง ๆ ในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership (CPTPP) จะยิ่งที่ให้เรื่องอาหารกลายเป็นสนนราคาที่ทั้งคนกินและคนปลูกต้องจ่ายแพงขึ้น และอาจเปลี่ยนแปลงทรัพยากรธรรมชาติจากผืนดินที่มอบชีวิตให้กับคนไทยให้กลายเป็นทรัพย์สินของบริษัทไปอย่างสิ้นเชิง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
- เราไม่มีสิทธิเก็บและใช้เมล็ดพันธุ์จนกว่าเราจะจ่ายเงินก่อน
เมล็ดพันธุ์สัมพันธ์กับชีวิตของคนมาตั้งแต่อดีตกาล ตั้งแต่การปลูก กิน เก็บ และแลกเปลี่ยน เมล็ดพันธุ์เป็นทรัพย์สินของทุกชีวิตบนโลก หรือเป็นภูมิปัญญาในการคัดเลือกสืบทอดกันมาของบรรพบุรุษของเรา ผลไม้ของมะม่วงต้นไหนหวานอร่อย ก็เก็บเมล็ดมาปลูกต่อ กระเพราต้นไหนหอมอร่อยก็เก็บเมล็ดมาปลูกต่อ เป็นการคัดเลือกพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุด อร่อยที่สุด กลิ่นหอมที่สุด ต้านทานโรคได้ดีที่สุด ผลผลิตสูง และส่งต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงรุ่นเรา การขยายตัวของเมืองและการผลิตเชิงอุตสาหกรรมทำให้เรารู้จักผักผลไม้เพียงไม่กี่ชนิด ทั้งที่ภูมิประเทศและสภาพอากาศของประเทศไทยเอื้อให้กับความหลากหลายทางชีวภาพ เราอุดมด้วยผักพื้นเมืองและสมุนไพรจำนวนมาก

การเข้าร่วมเป็นภาคี CPTPP คือการยอมรับข้อตกลงที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาระหว่างประเทศ เพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV 1991 ซึ่งตัดสิทธิพื้นฐานของเกษตรกรในการเก็บพันธุ์พืชไปปลูกต่อในฤดูกาลถัดไป เพียงแค่เก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อไปปลูกต่อก็จะมีโทษอาญาจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท
ข้อกำหนดนี้ต่างจากพ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช 2542 ที่ให้สิทธิเกษตรกรเก็บส่วนขยายพันธุ์ของพืชไว้เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปได้ แต่ UPOV 1991 ไม่อนุญาตให้สามารถทำได้ ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกครั้งจากเจ้าของพันธุ์ทุกฤดูเพาะปลูก เกษตรกรขนาดเล็กจะไม่สามารถอยู่ได้ภายใต้ข้อกำหนดทางกฎหมายใหม่นี้ แต่กลับเพิ่มสิทธิผูกขาดแก่บริษัทเมล็ดพันธุ์ในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรนอกเหนือจากค่าเมล็ดพันธุ์
ปัจจุบันนี้เมล็ดพันธุ์พื้นบ้านเราเหลือน้อยลงไปทุกที จนกระทั่งคุณโจน จันได มักกล่าวไว้ว่า “เราเป็นรุ่นสุดท้ายที่เป็นเจ้าของเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน” เนื่องจากการครอบครองการตลาดของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และการเพาะปลูกเกษตรอินทรีย์และส่งต่อเมล็ดพันธุ์น้อยลง
- เจ้าของสิทธิสายพันธุ์มีสิทธิเหนือ “พันธุ์พืชที่ได้มาจากพันธุ์คุ้มครอง”
นักวิจัยหรือนักปรับปรุงพันธุ์รายย่อย คือนักปรับปรุงพันธุ์ส่วนใหญ่ของประเทศ ดังที่กล่าวไว้ว่าการคัดเลือกพันธุ์พืชผักของวิถีชีวิตคนไทยนั้น อาจมาจากภูมิปัญญาคัดเลือกดั้งเดิม หรือการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ด้วยข้อบังคับตาม UPOV 1991 นั้น กำหนดให้ผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชคุ้มครองที่ถูกผู้อื่นนำไปศึกษาวิจัย สามารถอ้างสิทธิในผลงานการวิจัยหรือในพันธุ์พืชใหม่ที่พัฒนขึ้นนั้นได้ หากพิสูจน์ได้ว่าพันธุ์พืชใหม่ที่ได้ มิได้มีความแตกต่างอย่างสำคัญจากพันธุ์พืชคุ้มครอง พันธุ์พืชใหม่ที่เกิดจากการวิจัยก็จะตกเป็นสิทธิของผู้ทรงสิทธิเดิม ในฐานะที่เป็น “พันธุ์พืชที่ได้มาจากพันธุ์พืชคุ้มครอง” (essentially derived varieties) (TDRI, 2017) และมีการขยายระยะเวลาคุ้มครองสายพันธุ์พืชถึง 20 ปี ทำให้นักพัฒนาพันธุ์ในไทยพัฒนาสายพันธุ์ต่อก็ทำไม่ได้เพราะมีระยะเวลาคุ้มครองยาวนาน ข้อผูกมัดทางกฎหมายนี้ทำให้วิถีการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกรอินทรีย์รายย่อยถูกทำลายไป

- ห้ามขายผลผลิตหรือแปรรูปแล้วขายโดยไม่แบ่งผลกำไรแก่เจ้าของพันธุ์
หากคุณเป็นเกษตรกรปลูกข้าว ที่บังเอิญเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับพันธุ์ของบริษัทที่จดทะเบียนไว้ (ไม่ได้แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ) ผลิตผลข้าวที่ได้มานั้นก็จำเป็นต้องแบ่งผลกำไรให้กับเจ้าของพันธุ์ตามกฎหมาย และไม่ใช่เพียงแค่เมล็ดข้าว ยังรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากข้าว ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปลือก รำข้าว ฟาง หรือการนำไปแปรรูปอย่างเส้นก๋วยเตี๋ยว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากการที่เกษตรกรทั่วไปที่เป็นเพียงผู้ปลูก-จำหน่ายจะต้องซื้อและแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับเจ้าของพันธุ์ การผลิตอาหารตลอดทั้งระบบห่วงโซ่อุปทานโดยธุรกิจระดับเล็กไปจนถึงระดับกลางจะได้รับผลกระทบและถูกครอบครองโดยอุตสาหกรรมอย่างสิ้นเชิง
- ความอ่อนแอของสายพันธุ์ การปนเปื้อนสารเคมี และ GMO
ข้อบัญญัติที่ระบุไว้ว่า “เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการปรับปรุงพันธุ์” และตัดข้อกำหนดกระบวนการรับรองความปลอดภัยทางชีวภาพและการแสดงที่มาของสารพันธุกรรมสำหรับพันธุ์พืชดัดแปลงพันธุกรรมที่ประสงค์ขอรับการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่นั้นเป็นการเปิดโอกาสให้นำพันธุ์พืชพื้นเมืองของไทยไปใช้ประโยชน์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการรับรองความปลอดภัย และสามารถนำกลับมาทำผลประโยชน์จากเกษตรกรและผู้บริโภคได้ เป็นการเปิดทางสะดวกให้กับความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคและความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้คนไทยต้องเสี่ยงกับผลิตภัณฑ์อาหารที่ปนเปื้อน GMO
ธรรมชาติเป็นผู้สร้างสรรค์สายพันธุ์ทั้งพืชและสัตว์มาอย่างหลากหลาย แต่การผูกขาดทางการตลาดจะทำให้ความหลากหลายนี้ลดลง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเชิงอุตสาหกรรมที่เน้นพืชผักเพียงไม่กี่ชนิด เช่นที่เราอาจรู้จักกันเพียง ผักบุ้ง คะน้ำ ข้าวโพด กะหล่ำปลี ทั้งที่จริงแล้วประเทศไทยมีพืชผักผลไม้นับพันสายพันธุ์

การคัดเลือกของบริษัทเป็นการคัดเลือกที่ตรงข้ามกับการเลือกของบรรพบุรุษเรา มีการเปลี่ยนแปลงดัดแปลงให้พืชพึ่งพาสารเคมี หรือฮอร์โมน บางชนิดเพื่ออยู่รอด ต้องการน้ำมากขึ้น มีอายุสั้นลง อาจมีการทนทานต่อแมลงชนิดหนึ่ง แต่จำเป็นต้องใช้สารเคมีตามที่ระบุไว้ เป็นต้น ซึ่งเราอาจเห็นจากตัวอย่างปัจจุบันในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ภายใต้บริษัทมอนซานโต (Monsanto) บริษัทเมล็ดพันธุ์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกซึ่งร่วมกับซีพีทำเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด การผูกขาดเช่นนี้ทำให้เปลี่ยนวิถีชีวิตการพึ่งพาตนเองให้กลายเป็นหนี้สินตลอดระบบ ตั้งแต่การซื้อเมล็ด การปลูก สารเคมีเลี้ยงดูให้เติบโต ตลอดจนถึงผลผลิต ผลประโยชน์เหล่านี้ตกอยู่กับบริษัท เปลี่ยนผืนดินไทยเป็นอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ เกษตรกรและผู้บริโภคต้องรับผลกระทบทางสุขภาพ ในขณะที่ต้องจ่ายแพงขึ้นให้กับอาหาร
อีกข้อหนึ่งที่แม้ไม่ระบุในอนุสัญญาหรือข้อตกลงใด แต่อาจจะเป็นผลพวงที่ตามมาคือ กลไกการรับซื้อของภาครัฐและบริษัทอาจมาพร้อมกับการจำกัดและผูกขาดโดยบริษัท แม้เกษตรกรจะยังผลิตและส่งต่อสายพันธุ์บางชนิดได้ แต่กลไกการรับซื้อของภาครัฐก็มีส่วนกำหนดว่าผลผลิตจากสายพันธุ์ได้จะสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกร
ความมั่นคงทางอาหารคือการมีเมล็ดพันธุ์เป็นของตนเอง คือการที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถเพาะปลูกและส่งต่อเมล็ดพันธุ์ที่เป็นทรัพยากรจากธรรมชาติได้ เราคงไม่อยากให้ประเทศไทยถูกผูกมัดทางกฎหมายให้บริษัทยักษ์ใหญ่ยึดครองเมล็ดพันธุ์ของไทย การเข้าร่วมภาคี CPTPP คือการริดรอนอธิปไตยทางอาหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ สร้างความเสียหายต่อระบบเกษตรกรรมและสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
การเก็บและส่งต่อพันธุ์พืชไม่ใช่และไม่ควรเป็นอาชญากรรม แต่การเข้าถึงเมล็ดพันธุ์ คือสิทธิพื้นฐานของเราทุกคน เราจำเป็นต้องคัดค้านการเข้าร่วมภาคี CPTPP และข้อตกลงการค้าที่ริดรอนอธิปไตยทางอาหารของเราให้ถึงที่สุด
ที่มาข้อมูล
1.เปิดข้อตกลงการค้าเสรี CPTPP คืออะไร ทำไมไทยไม่ควรเข้าร่วม? https://waymagazine.org/cptpp_fta/
2.กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ – ใครได้ประโยชน์ https://tdri.or.th/2017/11/plant-varieties-act/
3. คู่มือทำความเข้าใจ GMOs-UPOV 1991 ฉบับง่าย
https://prachatai.com/journal/2013/11/49998

ร่วมส่งเสียงบอกนายกรัฐมนตรี/คณะรัฐมนตรีให้ยุติการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership (CPTPP) ในทันที เพื่อปกป้องสิทธิของเกษตรกร ความมั่นคงทางอาหารและความหลากหลายทางชีวภาพของไทย จากการครอบงำของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย และบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของโลก
มีส่วนร่วม
Discussion
มีประเทศที่ไม่เข้าร่วมมากมายมีแค่ไม่กี่ประเทศที่ร่วม เพราะฉะนั้นเราไม่สมควรเข้าร่วม เพราะเราอยู่ของเรา พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ประเทศเรามีศักยภาพมากพออยู่แล้ว อย่าหน้ามืดเห็นแต่ประโยชน์เล็กน้อย แต่ไม่มองผลเสียที่จะเกิดตามมามากมาย
ความฉ้อฉลของการค้ายุคใหม่ นำความบรรลัยมาสู่ทุกคน ประเทศไทยอยากรู้ว่าเป็นอะไรนักหนา ต้องตามตูดเขาตลอด คิดอะไรเองไม่เป็น ทุกวันนี้ขนาดยังไม่เข้าร่วม ผักผลไม้ยังแพงอยู่แล้ว เข้าร่วมเมื่อไร คงไม่ได้กิน ดูทุเรียนเป็นตัวอย่าง จากผลไม้พื้นบ้าน ทุกคนกินได้ ทุกวันกลไกลการค้า ทุเรียนแพงจนจะคิดที คิดแล้วคิดอีก อย่าไปยอมเด็ดขาดเรื่องนี้ ต้องตาต่อต่าืฟันต่อฟัน และอย่าไว้ใจรัฐบาล มันจะเอาตอนเราเผลอแน่ๆ
มันเป็นของสิทธิของส่วนรวมไม่ใช่หาประโยชน์ส่วนตัวปะ
รบกวนถามคะพอรุ้ไหมคะว่าตอนนีมีเมล็ดพันธุ์ยี่ห้อไหนหรือพื้นถิ่นไหนมีเมล็ดพันธุ์ไม่จีเอ็มโอบ้าง จะรวบรวมนำไปบริจาคกับคนบนดอยห่างไกลและถิ่นถุรกันดารคะ รู้สึกสงสารตอนเคยไปทำอาสาสมัครเห็นแม้ปัจจัยพิืนฐานด้านอาหารเค้ายังลำบากกินแทบไม่กินความมั่นคงทางอาหารเป็นสิ่งสำคัญมากแต่ประเทศไทยถูกกอบโกยเกินไปทั่งที่น้ำีดีดินดีแต่ระบบเอื้อประโยชน์ที่ไม่ดี ถ้าพอมีเมล็ดพันธุ์ร่วมบริจาคพัธผักอะไรก็ได้คะจะรีบส่งไปให้ชาวเผ่าคะ เบอร์ติดต่อ0908949790
รบกวนถามคะพอรุ้ไหมคะว่าตอนนีมีเมล็ดพันธุ์ยี่ห้อไหนหรือพื้นถิ่นไหนมีเมล็ดพันธุ์ไม่จีเอ็มโอบ้าง จะรวบรวมนำไปบริจาคกับคนบนดอยห่างไกลและถิ่นถุรกันดารคะ รู้สึกสงสารตอนเคยไปทำอาสาสมัครเห็นแม้ปัจจัยพิืนฐานด้านอาหารเค้ายังลำบากกินแทบไม่กินความมั่นคงทางอาหารเป็นสิ่งสำคัญมากแต่ประเทศไทยถูกกอบโกยเกินไปทั่งที่น้ำีดีดินดีแต่ระบบเอื้อประโยชน์ที่ไม่ดี ถ้าพอมีเมล็ดพันธุ์ร่วมบริจาคพัธผักอะไรก็ได้คะจะรีบส่งไปให้ชาวเผ่าคะขอบคุณค่ะ เบอร์ติดต่อ0908949790
ไม่เอา CPTPP
No CPTPP
ไม่เอา cptpp
อย่าให้ตกต่ำไปมากกว่านี้เลย
มีประเทศที่ไม่เข้าร่วมมากมายมีแค่ไม่กี่ประเทศที่ร่วม เพราะฉะนั้นเราไม่สมควรเข้าร่วม เพราะเราอยู่ของเรา พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น