โรแลนด์ ฮิปป์

บทความนี้เดิมโพสต์ลงในเว็บไซต์ของกรีนพีซ เยอรมนี

หลังจากการประท้วงตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ยุคพลังงานนิวเคลียร์ในเยอรมนีสิ้นสุดลงแล้ว โรแลนด์ ฮิปป์ กรรมการผู้จัดการ กรีนพีซ เยอรมนี มองย้อนกลับไป พร้อมกับวิสัยทัศน์แห่งอนาคต

ผู้คนนับล้านร่วมกันทำงานรณรงค์เป็นเวลาหลายปีมาจนถึงวันนี้ ประชาชนที่ยืนหยัดคัดค้านทั้งโรงงานแปรรูปกากนิวเคลียร์มาใช้ใหม่ การขนส่งกากนิวเคลียร์ พื้นที่เก็บกากนิวเคลียร์ที่ไม่ปลอดภัย และการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ การต่อสู้คัดค้านที่ดำเนินสืบเนื่องมาหลายทศวรรษส่งผลสะเทือนในท้ายที่สุด

การทะยอยปลดระวางโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเยอรมนีคือชัยชนะของเหตุผลเหนือความต้องการแสวงหาผลกำไร เหนือบรรษัทที่มีอำนาจล้นเหลือและนักการเมืองใต้อาณัติ คือความสำเร็จที่ขับเคลื่อนโดยผู้คนทั้งหลายที่เอาชนะอุปสรรคทั้งปวง

ผมขอบคุณผู้กล้าหาญทุกคนที่ยอมเสี่ยงในสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น ทุกๆ คนที่เข้าร่วมในการเดินขบวนประท้วง ทุกๆ คนที่ลงชื่อในข้อเรียกร้องและส่งจดหมายประท้วง และผมภูมิใจในบทบาทของกรีนพีซที่ยืนหยัดต่อต้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีความเสี่ยงสูงนี้

© Michael Löwa / Greenpeace

ในประเด็นถกเถียงถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเยอรมนี เรามักลืมไปว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศนี้มีขนาดใหญ่เพียงใด การเคลื่อนไหวที่ทรงพลังนี้มีมาก่อนหายนะภัยนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลและฟุกุชิมะ

โครงการก่อสร้างโรงงานแปรรูปกากนิวเคลียร์(เพื่อนำมาใช้ใหม่)ในเมือง Wackersdorf ต้องยุติลงในปี 2532 หลังจากการประท้วงอย่างกว้างขวางเป็นเวลาหลายปี ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกที่สำคัญของ การเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ซึ่งเชื่อมโยงกรีนพีซเป็นเนื้อเดียวกัน

© Paul Langrock / Greenpeace

กรีนพีซ : ประท้วงและวิจัย

กรีนพีซประท้วงการขนส่งกากนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเยอรมนีไปยังโรงงานแปรรูปใน Sellafield (อังกฤษ) และ La Hague (ฝรั่งเศส) หลายต่อหลายครั้ง และสามารถพิสูจน์ได้ว่าโรงงานแปรรูปกากนิวเคลียร์เหล่านี้ไม่มีอะไรนอกจากอันตราย

การวิจัยของกรีนพีซในปี 2541 แสดงให้เห็นว่าตัวอย่างดินจากบริเวณใกล้เคียงรอบโรงงานแปรรูปกากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วใน Sellafield (อังกฤษ) มีระดับเท่ากับดินที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่เก็บมาทดสอบจากพื้นที่หวงห้าม 30 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล

ในช่วงเข้าสู่สหัสสวรรษ ในทะเลเหนือนอกชายฝั่งลาเฮก เราพบระดับการแผ่รังสีที่สูงกว่าขีดจำกัด ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีอย่างผิดกฎหมายเป็นประจำ ในปี 2548 มีการยกเลิกการขนส่งกากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วจากเยอรมนีไปยังโรงงานแปรรูป ในอังกฤษและฝรั่งเศส นี่คือความสำเร็จของกรีนพีซ จากการประท้วงบนฐานข้อมูลที่เป็นจริง

เหตุการณ์สำคัญล่าสุดของขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ที่เยอรมนี คือการตัดสินใจยุติแหล่งกักเก็บกากนิวเคลียร์ที่กอร์เลเบน(Gorleben) อีกครั้งหนึ่งที่ อุตสาหกรรมนิวเคลียร์และกลุ่มผู้สนับสนุนไม่อาจคัดค้านหรือโต้แย้งต่อเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ : โดมเกลือที่ทรุดโทรมนั้นไม่เหมาะสำหรับการเก็บกากนิวเคลียร์อย่างปลอดภัยเป็นเวลาหลายแสนปีได้

© Gordon Welters / Greenpeace

ในขณะเดียวกัน ความสำเร็จชี้ให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ที่ผู้สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ต้องการส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปในอนาคต นั่นคือไม่มีพื้นที่ใดบนโลกที่เก็บกักกากนิวเคลียร์ได้ปลอดภัย ยังดีที่เยอรมนีจะไม่ผลิตกากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วออกมาใหม่หลังจากวันที่ 16 เมษายน 2566

พลังงานนิวเคลียร์ไม่เพียงแต่มีความเสี่ยง แต่ยังไม่ใช่ทางออกของวิกฤตพลังงาน ก่อนวันครบรอบหายนะภัยนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ นักเคลื่อนไหวของกรีนพีซเรียกร้องให้ปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเยอรมนีในที่สุด

หายนะภัยนิวเคลียร์เชอร์โนบิลและฟุกุชิมะ แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนที่สุดว่า มนุษย์ไม่สามารถควบคุมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ได้ในกรณีหายนะภัย การตัดสินใจของรัฐบาลกลางเยอรมนีในการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในปี 2554 นั้นถูกต้องในเวลานั้น และถูกต้องในเวลานี้

พลังงานนิวเคลียร์มีราคาแพง มีความเสี่ยง และห่างไกลจากความเป็นอิสระทางพลังงาน : มากกว่าครึ่งหนึ่งของยูเรเนียมที่ซื้อขายกันทั่วโลกมาจากรัสเซีย คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน เราไม่จำเป็นต้องนำทรัพยากรให้สูญเปล่าไปกับคำมั่นสัญญาลวงๆ ของพลังงานนิวเคลียร์อีกต่อไป เมื่อเรานำนิวเคลียร์ออกจากของระบบการผลิตไฟฟ้า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ยั่งยืน และเป็นธรรมจะขยายตัวอย่างรวดเร็วมากขึ้น ผมเฝ้ารออนาคตที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องกลัวอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งต่อไป และการลงทุนที่ผิดพลาดในเทคโนโลยีที่สุ่มเสี่ยงสูงและล้าสมัย

Roland Hipp เป็นกรรมการผู้จัดการของกรีนพีซ เยอรมนี