ผู้หญิงมักได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ พวกเธอต้องเผชิญกับสภาพการทำงานที่หนักขึ้น ความเสี่ยงด้านสุขภาพที่สูงขึ้น และจะต้องเผชิญกับการลี้ภัยทางสภาพภูมิอากาศที่มากขึ้น โดยหลายกรณีเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ซึ่งล้วนเกิดจากการทำโครงการถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ ดังนั้นเราจะต้องร่วมกันต่อต้านอุตสาหกรรมที่จะสร้างมลพิษเหล่านี้ รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นมา ที่มีแต่จะทำให้โลกของเราน่าอยู่น้อยลง
พวกเธอไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวหน้าในการเคลื่อนไหวในวิกฤตสภาพภูมิอากาศเพียงอย่างเดียว แต่หลายคนยังเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกอีกด้วย เราอาจเคยได้ยินชื่อเหล่านี้ เช่น Vandana Shiva, Vanessa Nakate, Disha Ravi และ Greta Thunberg หรือนักอนุรักษ์อย่าง Dr. Purnima Devi Barman, Dr. Gladys Kalema-Zikusoka และ Jane Goodall รวมทั้งผู้กำหนดนโยบาย เช่น Wangari Maathai, Jacinda Ardern หรือ Marina Silva
ผู้หญิงจากทั่วโลกมักมีบทบาทที่สำคัญในแคมเปญของกรีนพีซ ทั้งในการรณรงค์ยุติถ่านหิน การขุดเจาะน้ำมัน และก๊าซ โดยเฉพาะในเขตขุดเจาะที่เรียกว่า Carbon Bomb หรือแผนการขยายพื้นที่เพื่อนำเชื้อเพลิงฟอสซิลขึ้นมาใช้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกสูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งรวมถึงเขตชุดเจาะในแอ่งเปอร์เมียน ในรัฐเท็กซัสและนิวเม็กซิโก และเขตขุดเจาะในทะเล ออสเตรเลียตะวันตก
ในบทความนี้ เราอยากชวนทุกคนมารู้จักกับนักรณรงค์หญิงเหล่านี้ พวกเธอคือกลุ่มที่ร่วมกันต่อสู้ขับเคลื่อนกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันเพื่อหยุดยั้งโครงการฟอสซิลแห่งใหม่ซึ่งจะนำพาหลายประเทศไปสู่วิกฤตสภาพภูมิอากาศและเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วอย่างรุนแรงภายในทศวรรษนี้
Edina Ifticene นักรณรงค์เพื่อยุติการใช้น้ำมันและก๊าซ กรีนพีซ ฝรั่งเศส
Edina Ifticene กับนักกิจกรรมอีก 250 คน รวมตัวกันปิดการประชุมประจำปีของผู้ถือหุ้นของบริษัท TotalEnergies ในเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อเรียกร้องให้บริษัทน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่ยุติการทำข้อตกลงกับรัสเซีย และยุติโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ทั้งหมด
© Basile Mesré-Barjon / ANV COP21 – Alternatiba Paris – Les Amis de la Terre France – Greenpeace
“ชัดเจนแล้วว่า ทุกวันนี้ผู้หญิงหลายคนเป็นนักกิจกรรม และไม่ใช่แค่ด้านสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว ลองดูตัวอย่างการต่อสู้ของผู้หญิงเพื่อสิทธิของพวกเธอในอิหร่านสิ แน่นอนว่า การณรงค์ด้านสิทธิสตรีพร้อมกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมทำให้เราเห็นได้ว่า การทำลายสิ่งแวดล้อมกับกดขี่ต่อสิทธิผู้หญิงเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้การต่อสู้ในรูปแบบเดียวกันและต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน”
Anita Cosgrove จบการศึกษาดุษฎีบัณฑิตด้านนิเวศวิทยา สรีระวิทยา และการอนุรักษ์ เธอทำงานวิจัยด้านกฏหมายและมาตรการเพื่อท้าทายแผนงานของบริษัทพลังงาน Woodside ที่เกี่ยวข้องกับโครงการขยายการขุดเจาะก๊าซ Burrup Hub ซึ่งจะเป็นโครงการที่สร้างผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในออสเตรเลีย’
“ฉันกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกในอีก 50 ปีจากนี้ หากเราไม่ลดการปล่อยมลพิษทั่วโลกอย่างจริงจังและรวดเร็วพอ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับกลุ่มที่รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่กล้าหาญพอที่จะต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ยังควบคุมทรัพยากรด้านพลังงานของโลก และฉันเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่าตอนนี้อนาคตของโลกขึ้นอยู่กับเรา”
Anusha Narayanan นักรณรงค์ด้านพลังงานระดับโลก กรีนพีซ สหรัฐอเมริกา ทำงานเพื่อยุติการขยายตัวของเชื้อเพลิงฟอสซิล
Anusha Narayanan อาศัยอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. เธอทำงานให้กับกรีนพีซและแคมเปญด้านสิ่งแวดล้อมมาแล้วกว่า 10 ปี
“เชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังทำลายชีวิตบนโลกใบนี้ และผลกระทบส่วนใหญ่ก็จะไปตกอยู่กับ ผู้หญิง คนผิวดำ ชนพื้นเมืองชาติพันธุ์ คนผิวสี (BIPOC) และผู้ที่มีรายได้น้อย”
“สำหรับฉันแล้ว บ้านและชุมชนไม่ใช่แค่ชุมชนของฉันใน วอชิงตัน ดี.ซี. เท่านั้น แต่มันหมายถึง พ่อแม่และครอบครัวของฉันที่อยู่ที่อินเดีย และพวกเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รวดเร็วและรุนแรง ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ทั้งน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับบ้านของปู่กับย่าของฉัน และมลพิษทางอากาศที่อันตรายมาก และส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสุขภาพของคนในครอบครัวฉัน”
Libby นักกิจกรรม กรีนพีซ เม็กซิโก
Libby คือคนที่อยู่ในแนวหน้าของการเรียกร้องการยุติเชื้อเพลิงฟอสซิล ของกรีนพีซ เม็กซิโก ในหลายแคมเปญ
“การส่งเสียงของฉันในฐานะนักกิจกรรมในหลายพื้นที่ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ฉันลุกขึ้นสู้ แต่เหตุผลยิ่งใหญ่ที่สุดและจริงที่สุดคือการที่ฉันได้เติบโตขึ้นในฐานะคนคนหนึ่ง”
“การเป็นนักกิจกรรมผู้หญิงเป็นเหมือนการแบกรับแรงกดทับที่หนักอย่างกับแบกทั้งโลกไว้เลย เพราะการเป็นผู้หญิงและนักกิจกรรมคือการเป็นนักปฏิวัติ”
Irene Wabiwa นักรณรงค์ระดับสากลด้านป่าไม้ในคองโก กรีนพีซ แอฟริกา
Irene Wabiwa จาก กรีนพีซ แอฟริกา เป็นหัวหน้างานรณรงค์เพื่อยุติการพัฒนาน้ำมันและก๊าซในคองโก โดยทำงานร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคมระดับชาติและนานาชาติ
“ผู้หญิงที่ฉันได้พบหลายคนบอกกับฉัน (หรือแม่ของพวกเธอบอกฉัน) ว่าฉันเป็นแบบอย่างให้พวกเธอ มันเป็นความรับผิดชอบที่หนักนะ แต่ต้องขอบคุณงานของฉันที่ทำให้ผู้หญิงในชนบทและในเมืองอยากเป็นนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม มันกลายเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของฉันแล้วล่ะ”
“การเป็นผู้หญิงคือคุณสมบัติของการเป็นนักกิจกรรม เพราะผู้หญิงมักเป็นคนกลุ่มแรกที่เผชิญกับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายหรือเป็นมลพิษ พวกเธอจะเป็นคนทำนาในช่วงหน้าแล้ง พวกเธอจะคอยหาน้ำให้กับคนในบ้านของเธอและพวกเธอจะเป็นคนแรกที่เห็นว่าลูกของเธอป่วยจากน้ำที่สกปรกและปนเปื้อนมลพิษ และเมื่อเธอต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น พวกเธอก็จะทำมันด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทสุดหัวใจ และในฐานะผู้หญิง ฉันจะนำแรงกายและแรงใจมาใช้ในการเรียกร้องของฉัน!”
Dana Cohen นักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศและการเมือง กรีนพีซเมดิเตอร์เรเนียน อิสราเอล
Dana เป็นนักกิจกรรมกับกรีนพีซในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และกำลังรณรงค์ยุติการขยายตัวของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลในลุ่มน้ำเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
“ฉันรู้สึกภูมิใจและมีความหวัง จากการที่กรีนพีซ อิสราเอล เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง เราประกอบด้วยผู้คนและองค์กรที่หลากหลาย แม้แต่ละคนจะทำงานในสายงานของตัวเองแต่เราต่างร่วมมือกัน ซึ่งแม้จะมีความท้าทายมากมาย แต่เป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกผลักดันไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิม”
“ฉันสนใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ ท่ามกลางอุปสรรคที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง ฉันรู้ว่ามันมีวิธีแก้ปัญหาอยู่ และความท้าทายหลักของเราคือการผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้ไปสู่การปฏิบัติที่เกิดขึ้นได้จริง แม้จะขัดกับหลักเจตจำนงบางอย่างทางเศรษฐกิจ หรือกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม”
Zanna Vanrenterghem นักรณรงค์ กรีนพีซ เบลเยียม
Zanna เป็นทั้งหัวหน้างานรณรงค์ ที่คอยออกแบบและขับเคลื่อนแคมเปญและเป็นผู้นำคนในการขับเคลื่อนเพื่อสภาพภูมิอากาศในกรุงบรัสเซลส์มาเกือบ 10 ปี ความกังวลของเธอในปัจจุบันคือการนำเข้าก๊าซฟอสซิลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากแอ่งเปอร์เมียนของสหรัฐฯ ไปยังยุโรปโดยผ่านเบลเยียม ซึ่งถือเป็นอุปสรรคขัดขวางเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมทั้งของสหภาพยุโรปและของโลก และมันจะทำลายระบบนิเวศและทำร้ายสุขภาพของผู้คนไปพร้อม ๆ กัน
“ฉันภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่เริ่มตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างการเคลื่อนไหวของกลุ่มสิ่งแวดล้อมและกลุ่มเรียกร้องสิทธิสตรีมากขึ้น และเราจะใช้ความตระหนักนั้นเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราทำงาน จัดขบวน และสร้างสรรค์การเคลื่อนไหวของเราต่อไป”
“นอกเหนือจากการต้องคอยบอกพวกผู้ชายว่าอย่ามาอวดเบ่งความรู้เรื่องพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมของพวกเขา การเป็นผู้หญิงในฐานะนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของฉันก็ค่อนข้างเรียบง่าย แต่มันอาจไม่เหมือนกันสำหรับพี่น้องเพื่อนๆผู้หญิงของฉันที่กำลังต่อสู้อยู่ทั่วโลกเพื่อสิทธิของตนเอง เพื่อชุมชน และโลกใบนี้ นั่นเป็นความคิดที่ทำให้ฉันรู้สึกตัวเล็กจ้อยและทำให้ฉันอยากมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ สนับสนุนการทำแท้ง และสนับสนุนเคลื่อนไหว #MeToo เท่าที่ฉันจะทำได้”
แปลโดย รวิชญ์ บุญทน นักศึกษาฝึกงาน