ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลารำลึกเดือนชนพื้นเมืองสากล (Indigenous Peoples Month) กรีนพีซมีโอกาสได้ถ่ายทอดข้อความทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยความหวังจากผู้พิทักษ์แห่งผืนป่าดิบชื้น 3 แห่งด้วยกัน แต่ละข้อความมีความหมายในตัวเอง ทว่าเมื่อนำมารวมกันยิ่งแสดงถึงการขับเคลื่อนของชนพื้นเมืองในระดับสากลที่เชื่อมโยงผู้คนข้ามพรมแดนและชนชาติ
การขับเคลื่อนของชนพื้นเมืองกำลังเติบโตขึ้นด้วยความสมานฉันท์สะท้อนถึงความเป็นผู้นำผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน แม้ชนพื้นเมืองจะเคลื่อนไหวบนฐานของภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ แต่ก็ขับเคลื่อนบนวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้ากว่าสถานการณ์สิ่งแวดล้อมปัจจุบัน
อคติของคนเมืองอาจกำลังบดบังสายตาของเรา แต่เรายังสามารถ หรือบางทีอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนอคติเหล่านั้นเสีย ลองมองโลกในมุมมองของชนพื้นเมืองที่มีรากฐานความคิดบนประวัติศาสตร์อันยาวนาน และให้คุณค่าสูงสุดกับสายสัมพันธ์และความเป็นชุมชน ขณะนี้ผลกระทบจากระบบทุนนิยมและลัทธิล่าอาณานิคม (Colonialism) กำลังส่งผลร้ายต่อทุกคน ยกเว้นผู้ที่ร่ำรวย เราต้องเรียนรู้จากชนพื้นเมือง ทั้งมุมมอง วิถึชึวิต ความรู้ และการลงมือปฏิบัติ
ปาปัวตะวันตก หรือปาปัวบารัตแห่งอินโดนีเซีย

“ถ้าถามว่าผมอยากเห็นปาปัวตะวันตกเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผืนป่าแห่งนี้ที่เป็นของชนพื้นเมือง Knasaimos ผมตอบได้แค่ว่าอยากเห็นธรรมชาติได้รับการดูแลเพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง และอยากเห็นว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะอีกกี่ร้อยปี ชนพื้นเมืองจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย อยู่กับป่าและแม่น้ำของเรา มีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ ดังเช่นวิถีชีวิตของเราตอนนี้”
นี่คือคำกล่าวของ Nabot Sreklefat ผู้นำและหนึ่งในทีมงานเยาวชนชนพื้นเมืองที่จังหวัดปาปัวตะวันตก ภูมิภาคซึ่งมีผืนป่าดิบชื้นที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย
Sreklefat กล่าวอย่างภาคภูมิถึงการที่พี่น้องของเขายืนหยัดต่อสู้กับการลักลอบตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย การย้ายถิ่นฐาน และการขยายตัวของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในภูมิภาค Knasaimos การต่อสู้ที่ดำเนินมานานหลายปีนี้ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของสิทธิในที่ดินและการได้รับการยอมรับตามสิทธิมนุษยชน
เมื่อปีที่แล้ว “เราได้รับการยอมรับในสิทธิการถือครองที่ดินจากผู้ว่าการซอรองใต้ หลังจากที่เราได้สู้เพื่อสิทธินี้มายาวนานถึง 17 ปี จากการเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่ในระดับภูมิภาค และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง หลังจากที่เราได้กฤษฎีกามา เรารู้สึกได้ว่ารัฐให้การยอมรับและรับรองเราในฐานะชนพื้นเมืองแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ”
ขณะนี้ชุมชนของ Sreklefat กำลังเรียกร้องสิทธิและการยอมรับจากรัฐบาลกลางของอินโดนีเซีย
Sreklefat ยังเล่าถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากกลุ่มชนพื้นเมืองอื่น รวมถึงประชุมระดับโลกแห่งชนพื้นเมืองและชุมชนป่าชายเลน (World Congress of Indigenous People and Local Communities of Forest Basins) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “เมื่อผมกลับมายังภูมิภาค Knasaimos ผมได้เล่าให้พี่น้องในชุมชนฟังว่า ไม่ได้มีแค่พวกเราเท่านั้นที่ต่อสู้เพื่อสิทธิ แต่ชนพื้นเมืองทั่วโลกก็กำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกัน เช่นนั้นแล้วจงอย่ายอมแพ้ แม้ว่าที่อื่นจะถูกคุกคามและเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทุน หรือกำลังถูกโน้มน้าวให้ยอมรับอุตสาหกรรม เราจะต้องไม่ยอมเช่นนั้น เราต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องป่าของเรา จากการประชุมครั้งนั้นผมยิ่งเชื่อมั่นว่า การต่อสู้ต่อการคุกคามของชนพื้นเมืองนั้นคือสิ่งจำเป็นสูงสุด”
แอมะโซเนีย (พื้นที่ป่าลุ่มน้ำแอมะซอน) Amazonia
“รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนคืนเดียวเสร็จ ดังนั้นนักการเมืองต้องเคารพรัฐธรรมนูญเพราะรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นจากการต่อสู้ของเรา แต่ตอนนี้นักการเมืองกำลังฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งพร้อมกับใช้กฎหมายมาทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา เขาเพิกเฉยต่ออนาคตของบราซิล ฉันต้องการให้เขาเคารพสิทธิของเราภายใต้รัฐธรรมนูญ ง่าย ๆ แค่นั้น”
นี่เป็นคำพูดของ Dineva Maria Kayabi ผู้เป็นทั้งครู แม่ และเป็นนักรณรงค์เพื่อสิทธิของชนพื้นเมืองในป่าดิบชื้นแอมะซอน
Kayabi เล่าให้เราฟังถึงหมู่บ้านของเธอบนฝั่งแม่น้ำของ Rio dos Peixes ชุมชนของเธอปลูกพืชพรรณอาหารเพื่อเลี้ยงชีพ (กล้วย หัวมัน ถั่ว) และแบ่งปันกันในชุมชน แต่ชุมชนที่สงบนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แห่งความรุนแรงและการแย่งยึดที่ดิน ชุมชนของเธอเคยถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐานจาก Batelão เพื่อเลี่ยงการถูกเอาชีวิตโดยอุตสาหกรรมปศุสัตว์ จากนั้นแม่ของเธอถูกทำร้ายจนสาหัสใน Utiariti ซึ่งเป็นศูนย์เผยแพร่ศาสนา และถูกบังคับให้แต่งงานหลังจากนั้น
บาดแผลในเหตุการณ์ต่างๆทำให้ Kayabi ผันตัวมาอุทิศตนให้กับการเรียนและการพัฒนาชุมชน เธอเรียนจนจบปริญญาโทด้านศึกษาศาสตร์เพื่อมาเป็นครูในชุมชน และสร้างให้ชุมชนมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาได้สำเร็จ ปัจจุบันนี้เธอทำงานร่วมกับองค์กร COIAB (Coordination of Indigenous Organizations of the Brazilian Amazon) ซึ่งเป็นองค์กรสำหรับชนพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแอมะซอน และได้เดินทางไปรอบโลกเพื่อรณรงค์ด้านสิทธิชนพื้นเมือง
ลุ่มน้ำคองโก แอฟริกา Congo Basin
“เผ่า Tshwa ของผมดำรงชีวิตอย่างผูกพันกับผืนป่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ เรารู้จักพืชพรรณ ภูตผี และความลับของธรรมชาติ แต่แล้วในความคิดของผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายยังคงมองเราเป็นแค่ ‘พลเมืองชั้นล่าง’ เป็นตัวขวางความเจริญ เป็นแค่เงาที่สิงอยู่กับต้นไม้”
คำกล่าวนี้มาจาก Valentin Engobo Mufia ผู้ซึ่งเป็นทั้งพ่อ ผู้นำ และผู้อาศัยอยู่บนผืนป่านี้มาแล้วกว่า 7 ทศวรรษ เขาอยู่หมู่บ้าน Lokolama ในป่าศูนย์สูตร (Equatorial Rainforest) ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก Mufia กล่าวถึงความสำคัญในการปกป้องป่าว่า
“ป่าพรุที่ชุมชนเราได้ปกป้องมานับร้อยปีแห่งนี้เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นปราการด่านสำคัญในการต่อกรกับหายนะทางสภาพภูมิอากาศ แต่แทนที่ผู้มีอำนาจจะฟังเรา เรากลับถูกกีดกัน”
Mufia ย้ำว่า หมดเวลาของถ้อยคำกลวงๆ และท่าทีลวงๆ แล้ว สิ่งที่ชุมชนของเขาเรียกร้องคือ
- การยอมรับอย่างชัดเจนต่อสิทธิของชุมชนตามหลักกฎหมายสากล
- สิทธิในการเข้าถึงกองทุนและเศรษฐกิจด้านสภาพภูมิอากาศอย่างตรงไปตรงมาและเป็นระบบ
- การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของชนพื้นเมือง
- การมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของนโยบายและการตัดสินใจที่เกี่ยวกับโครงการพัฒนา
อนาคตที่หยั่งรากจากอดีต

ผู้นำชนพื้นเมืองแต่ละคนต่างพูดถึงการต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญในปัจจุบัน และความหวังต่ออนาคต นี่คือความหวังที่หยั่งรากอยู่ในคำทำนาย คุณธรรม และเรื่องราวจากบรรพกาล Kayabi ได้เล่าถึงเรื่องราวที่น่าประทับใจว่า
“เรื่องราวนี้คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จาก Ita Mait หินชาแมน บ้านของ Ita Mait อยู่ที่ยอดน้ำตก Salto Sagrado แต่แล้ววันหนึ่งมีคนขโมยเธอไปจากบ้าน ชายคนขาวที่นำเธอไปนั้นไม่นานผมของเขาก็เริ่มร่วง ได้รับความเจ็บปวด และเสียชีวิตไปในที่สุด หิน Ita Mait ตกจากเครื่องบิน ข้ามน้ำข้ามทะเล ท้ายที่สุดพ่อสามีของฉันซึ่งเป็นคนทรง ได้ขับขานในบทเพลงทุกวันว่า ‘เธอกำลังกลับมา’ เฉกเช่นเดียวกับวัฒนธรรมของเรา หินชาแมนจะหาทางกลับบ้านได้ในที่สุด”
ชนพื้นเมืองทั่วทุกมุมโลกต้องเผชิญกับการคุกคามเชิงโครงสร้างและในหลาย ๆ ด้านมายาวนานนับสิบนับร้อยปี การต่อสู้ของพวกเขายังคงอยู่ และจะขยายตัวขึ้น ข้อความเหล่านี้จากตัวแทนชนพื้นเมืองคือการฝากไว้ซึ่งความหวัง ความหวังที่เราจะพบกับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และทางออกที่แท้จริง
Tsering Lama ผู้จัดการฝ่าย Storytelling กรีนพีซสากล