24 กุมภาพันธ์ 2568, แมนดาน, รัฐนอร์ทดาโคตา — สิบปีหลังจากที่ทั่วโลกได้เห็นการใช้สิทธิในการชุมนุมประท้วงที่นำโดยชนเผ่าพื้นเมืองซึ่งออกมาต่อต้านโครงการท่อส่งน้ำมันดาโกตา แอคเซส (Dakota Access Pipeline) ตัวแทนจากกรีนพีซสากล (Greenpeace International) และกรีนพีซสองแห่งในสหรัฐอเมริกาเดินทางถึงศาลมอร์ตันเคาน์ตีในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เพื่อต่อสู้กับคดีฟ้องร้องที่ปราศจากมูลความจริง ซึ่งถูกยื่นฟ้องโดยบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ (ET)
ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ ศาลได้เปิดโอกาสให้สาธารณชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ที่ศาลในรัฐนอร์ทดาโคตา โดยในการพิจารณาครั้งนี้ สื่อมวลชนและองค์กรตรวจสอบหลายแห่งได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิ่มความโปร่งใสและการเข้าถึงกระบวนการพิจารณาคดี ขณะเดียวกัน คำขอของกรีนพีซในการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีสู่สาธารณะ รวมถึงคำขอจากสื่อและนักข่าวหลายสำนักในการขยายขอบเขตการรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ กลับถูกปฏิเสธเช่นกัน
บริษัทท่อส่งเชื้อเพลิงฟอสซิลในสหรัฐฯ ซึ่งอยู่เบื้องหลังโครงการท่อส่งน้ำมันดาโกตา แอคเซส กำลังเรียกร้องค่าเสียหายเป็นมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการฟ้องคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมของสาธารณะ หรือ SLAPP อย่างเปิดเผยมากที่สุด การฟ้องร้องคดีโดยบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ (ET) พยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ของการประท้วงที่นำโดยชนเผ่าพื้นเมืองที่สแตนดิงร็อก และอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อความหวั่นเกรงในการใช้สิทธิในเสรีภาพของการแสดงออกและการพูดความจริง ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2560 กรีนพีซสากล (GPI) และองค์กรกรีนพีซในสหรัฐฯ ได้ต่อสู้เพื่อแก้ต่างทางคดีความที่ฟ้องร้องโดยบริษัทฯ ET ที่เป็นการกล่าวหาอย่างไร้เหตุผลว่าการชุมนุมประท้วงดังกล่าวของชนเผ่าพื้นเมืองได้รับการวางแผนหรือยุยงปลุกปั่นโดยกรีนพีซ
ดีปา ปัทมนาภา ที่ปรึกษากฎหมายอาวุโสของกรีนพีซสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “นอกเหนือจากผลกระทบที่คดีนี้อาจมีต่อกรีนพีซแล้ว สิ่งที่น่ากังวลที่สุดประการหนึ่งคือ คดีนี้อาจสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายใหม่ที่เป็นอันตรายต่อผู้ที่จะออกมาใช้สิทธิในการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วง ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของบุคคลอื่นในการประท้วง และคุณคงนึกภาพออกว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ที่จะออกมาใช้สิทธิในการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วง”
คริสติน แคสเปอร์ ที่ปรึกษากฎหมายทั่วไปของกรีนพีซสากล กล่าวว่า “เรามั่นใจว่ากรีนพีซสากลและองค์กรร่วมที่เป็นจำเลยในสหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายชนะในที่สุด เราจะร่วมกันปกป้องกรีนพีซสากลในชั้นศาล พร้อมทั้งดำเนินการทางกฎหมายในเนเธอร์แลนด์เพื่อเรียกคืนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากคดี SLAPP โดยบริษัทฯ ET ในสหรัฐฯ เรารู้สึกประทับใจต่อการสนับสนุนจากขบวนการเคลื่อนไหวทั่วทุกมุมโลก เพราะถ้าเมื่อขบวนการเคลื่อนไหวร่วมมือกันส่งเสียง เราจะชนะ”
กรีนพีซสากล (Greenpeace International) ได้ริเริ่มการทดสอบครั้งแรกของกฎหมายป้องกัน SLAPP ของสหภาพยุโรป โดยยื่นฟ้องบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ (ET) ต่อศาลในเนเธอร์แลนด์เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ GPI มุ่งหวังที่จะเรียกคืนค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการฟ้องร้องที่ปราศจากมูลความจริงของ ET ซึ่งเรียกร้องเงินหลายร้อยล้านเหรียญจากกรีนพีซ สากล และกรีนพีซในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
คดีฟ้องร้องของบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ (ET) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการฟ้องร้องเชิงยุทธศาสตร์เพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมของสาธารณะ (SLAPP) คดีเหล่านี้เป็นความพยายามที่จะทำให้องค์กรไม่แสวงหากำไรและนักเคลื่อนไหวต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทางกฎหมายจำนวนมหาศาล ผลักดันให้พวกเขาเข้าสู่ภาวะล้มละลาย และในที่สุดก็จะเข้าควบคุมหรือปิดกั้นเสียงคัดค้านของผู้คน
หมายเหตุ
1.คดีแรกของ เอเนอร์จี้ ทรานส์เฟอร์ ถูกฟ้องในศาลรัฐบาลกลางภายใต้พระราชบัญญัติ RICO หรือพระราชบัญญัติองค์กรที่มีอิทธิพลและทุจริต ซึ่งเป็นกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินคดีกับกิจกรรมของกลุ่มคน คดีดังกล่าวถูกยกฟ้อง โดยผู้พิพากษาระบุว่าหลักฐานยัง “ไม่เพียงพอ” ศาลรัฐบาลกลางไม่ได้ตัดสินการเรียกร้องการหมิ่นประมาทหรือการสมรู้ร่วมคิด ดังนั้น ET จึงยื่นฟ้องคดีใหม่ในศาลรัฐนอร์ธดาโคตาโดยทันทีพร้อมการเรียกร้องกฎหมายเหล่านี้และกฎหมายของรัฐอื่น ๆ
3.รายงานโดย the Coalition Against SLAPPs in Europe (CASE) พบว่ามีการฟ้องคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมของสาธารณะ หรือ SLAPP ถึง 1,049 คดีในยุโรป ตั้งแต่ปี 2553-2566 โดยในปี 2566 มีการฟ้องถึง 166 คดี นอกจากนี้บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่อย่าง Shell, Total และ ENI ยังฟ้อง SLAPP กรีนพีซในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อหยุดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ Shell และ Total
ติดต่อ
Greenpeace International Press Desk, +31 (0)20 718 2470 (available 24 hours), [email protected]
Join the Greenpeace SLAPP Trial WhatsApp Group for our latest updates
