กรุงเทพฯ, 17 กันยายน 2568 – กรีนพีซ ประเทศไทย และมูลนิธิบูรณะนิเวศ ร่วมเวที ‘นักสืบฝุ่น ครั้งที่ 4: ฝุ่นไม่รู้จักเขตแดน’  ชี้ชัดว่าฝุ่นพิษจากภาคอุตสาหกรรมคือแหล่งกำเนิดที่รัฐมองข้าม ทั้งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล  พร้อมเรียกร้องให้รัฐเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติ การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ (PRTR) ให้ประกาศใช้โดยเร็ว หลังจากที่รัฐสภามีมติรับหลักการร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

เพื่อสร้างกลไกข้อมูลมลพิษที่โปร่งใสและปกป้องสิทธิประชาชนในอากาศสะอาด การจัดทำบัญชีการปลดปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด (Emission Inventory) และทำเนียบการปลดปล่อยและการเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Registers: PRTR) ถือเป็นรากฐานสำคัญของการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ เพราะจะทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามลพิษมาจากไหน ปล่อยออกมาเท่าใด และจากกิจกรรมประเภทใด เมื่อมีข้อมูลที่โปร่งใสเช่นนี้ หน่วยงานรัฐจะสามารถออกนโยบายได้ตรงจุด ภาคอุตสาหกรรมต้องรับผิดชอบต่อการปล่อยมลพิษของตน และประชาชนมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลที่กระทบต่อสุขภาพและชีวิตประจำวัน

ผศ.ดร.อัจฉริยา สุริยะวงศ์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “นอกจากนี้ ร่างกฎหมาย PRTR จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหามลพิษอุตสาหกรรม เพราะครอบคลุมการรายงานและเปิดเผยมลพิษอุตสาหกรรมหลายประเภท ปัจจุบันกรุงเทพฯ มีโรงงานกว่า 5,000 แห่ง มลพิษจากภาคอุตสาหกรรมจึงไม่อาจละเลยได้  อากาศสะอาดไม่ใช่เพียงสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่คือเงื่อนไขสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน ปัญหามลพิษทางอากาศควรถูกมองเป็น ‘โอกาส’ ในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่เมืองสีเขียว หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันกรุงเทพฯจะสามารถก้าวสู่การเป็นเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่ได้  กฎหมาย PRTR คือกุญแจสำคัญที่จะสร้างความโปร่งใส คืนสิทธิอากาศสะอาด และนำไปสู่การสร้างเมืองที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน”

งานศึกษาวิจัยของมูลนิธิบูรณะนิเวศ ปี 2564 [1] พบว่าจังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหนาแน่นมีการปล่อยฝุ่นละอองสูงสุดจากภาคอุตสาหกรรม โดย PM10 มากถึง 70,987 ตัน/ปี และ PM2.5 ถึง 44,476 ตัน/ปี ขณะที่แหล่งกำเนิดอื่น เช่น การขนส่ง การเผาในที่โล่ง และการจัดการขยะ มีการปล่อยเพียงหลักร้อยถึงหลักสิบตันต่อปีเท่านั้น ตัวเลขนี้สะท้อนชัดเจนว่า โรงงานอุตสาหกรรมคือแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่นพิษที่รัฐมองข้ามมาโดยตลอด

ฐิติกร บุญทองใหม่ ผู้จัดการแผนงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า

“ข้อมูลจากการศึกษาปริมาณและองค์ประกอบของฝุ่นในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร สะท้อนชัดว่า ฝุ่นไม่เพียงมีปริมาณเข้มข้นสูง แต่ยังปนเปื้อนด้วยสารอันตรายอย่างสารโลหะหนักและสารไดออกซิน/ฟิวแรน (Dioxin/Furan) ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและยังสามารถเชื่อมโยงกับสถานการณ์และความอันตรายของปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ เพราะจุดที่ศึกษาในสมุทรสาครอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 5 กิโลเมตร และฝุ่นพิษไม่มีพรมแดน หากรัฐไม่เร่งการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การออกกฎหมาย PRTR เพื่อเปิดเผยและควบคุมการปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงจะยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไร้ข้อมูลและไร้การปกป้อง”

นอกจากโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว โรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิล หรือที่ทั่วไปรู้จักกันในชื่อว่า โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ แม้จะถูกนำเสนอว่าสะอาดกว่าการใช้ถ่านหิน หรือ น้ำมัน แต่โรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลยังคงปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ (NOₓ) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการก่อตัวของมลพิษทุติยภูมิ รวมถึงการก่อให้เกิดฝุ่นพิษ PM2.5 [2] และโอโซนภาคพื้นดินที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ปัจจุบันประเทศไทยยังอนุญาตให้โรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลปล่อย NOₓ ได้สูงถึง 80 มก./ลิตร  ซึ่งมากกว่ามาตรฐานของเกาหลีใต้ที่เข้มงวดกว่าที่กำหนดไวเพียง 10 มก./ลิตร เท่านั้น ซึ่งสะท้อนว่ามาตรการควบคุมของไทยยังไม่เพียงพอและไม่สอดคล้องกับสิทธิประชาชนในการหายใจอากาศสะอาด

อัญชลี พิพัฒนวัฒนากุล ผู้จัดการงานรณรงค์ กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า

“การแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างแท้จริงไม่อาจเกิดขึ้นได้  หากรัฐยังเพิกเฉยต่อโรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลที่ถูกสร้างภาพให้ดูสะอาด ทั้งที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจกขนาดใหญ่ ประเทศไทยต้องกล้าลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล กำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้น และเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและเป็นธรรม เพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการหายใจอากาศสะอาด”

ขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ (PRTR) กำลังอยู่ในขั้นพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อเสนอเข้าสู่วาระ 2 ภาคประชาชนคาดหวังอย่างยิ่งว่ารัฐสภาจะเร่งผลักดันให้กฎหมายนี้ประกาศใช้โดยเร็วที่สุด เพราะนี่คือกฎหมายเชิงโครงสร้างที่จะสร้างความโปร่งใสในการจัดการมลพิษ และคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนในการหายใจอากาศสะอาดและอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย

#หยุดปกปิดข้อมูลมลพิษ #ThaiPRTR

หมายเหตุ

[1] งานศึกษาวิจัยเรื่อง“การวิเคราะห์ และจัดทำแผนที่วิกฤต ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5 & PM 10)ในพื้นที่สมุทรสาคร https://dol.thaihealth.or.th/Media/Pdfview/3da3370a-bb2d-ec11-80fa-00155db45613

[2] โรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิล แหล่งกำเนิดมลพิษ PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ถูกมองข้าม https://www.greenpeace.org/thailand/story/54773/fossil-gas-powerplant-another-pm25-source-bkk/

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ

สมฤดี ปานะศุทธะ นักสื่อสารงานรณรงค์ กรีนพีซ ประเทศไทย

อีเมล [email protected] โทร.081 929 5747