All articles
-
กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้อนรับ ลีโอ ฮอร์น พัธโนทัย ผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารองค์กร พร้อมอำลา แองเจลา เฉิน
ต้อนรับ ลีโอ ฮอร์น พัธโนทัย สู่คณะกรรมการบริหารขององค์กร โดยลีโอเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ
-
รายงานล่าสุดเผย แอมะซอน มีมลพิษทางอากาศรุนแรงกว่าหลายมหานครทั่วโลก
มาเนาส์, บราซิล, 4 พฤศจิกายน 2568 – รายงานล่าสุดของกรีนพีซ สากล เปิดเผยว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ใจกลางผืนป่าแอมะซอนกำลังเผชิญกับมลพิษทางอากาศรุนแรงกว่าผู้คนในมหานครอย่างเซาเปาโล ปักกิ่ง หรือแม้แต่ลอนดอน โดยสาเหตุหลักมาจากไฟป่าที่ถูกจุดขึ้นโดยเจตนา เพื่อเคลียร์พื้นที่ป่าทำปศุสัตว์ และเผาปรับสภาพทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์[1]
-
แผนลดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้า เสี่ยงซ้ำเติมวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และขัดขวางความพยายามของโลกในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C
และขัดขวางความพยายามของโลกในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C
-
กรีนพีซ ประเทศไทย เน้นย้ำ ‘โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน’ชี้ปัญหาที่บรรษัทฟอสซิลสร้าง แต่ประชาชนต้องแบกรับ
กรุงเทพฯ, 30 กันยายน 2568 – กรีนพีซ ประเทศไทย เปิดนิทรรศการ ‘โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน : 1% ก่อ 99% เจ็บ’ ในเทศกาล Bangkok Climate Action Week เพื่อสะท้อนความจริงว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากการกระทำของบรรษัทฟอสซิลยักษ์ใหญ่ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาล ขณะที่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ต้องเป็นฝ่ายรับเคราะห์หนักที่สุด
-
กรีนพีซ ประเทศไทย JustPow และภาคประชาสังคม เสนอข้อเรียกร้องต่อ กมธ.พลังงาน ว่าด้วยการจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่
กรุงเทพฯ, 25 กันยายน 2568 – กรีนพีซ ประเทศไทย ร่วมกับ JustPow (เครือข่ายเพื่อพลังงานที่ยุติธรรมสำหรับทุกคน Just Power For All) และเครือข่ายภาคประชาชนจาก 5 ภูมิภาค ยื่นข้อเรียกร้องต่อ คณะกรรมาธิการการพลังงาน เพื่อให้กระบวนการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (PDP) ฉบับใหม่มีตัวแทนภาคประชาชนในคณะกรรมการร่างแผน PDP พร้อมต้องดำเนินไปอย่างโปร่งใส และเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
-
ทั่วโลกต้องเร่งมือสร้างเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลทันที หลังบรรลุเป้าหมายสนธิสัญญาทะเลหลวงฉบับบประวัติศาสตร์
สนธิสัญญาทะเลหลวงจะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน เปิดทางสู่การประชุม COP มหาสมุทรครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 กรีนพีซยังคงเรียกร้องให้ประเทศที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันเร่งดำเนินการโดยเร็วและต้องเสร็จก่อนการประชุม เพราะหากไม่ทำ ประเทศเหล่านั้นจะไม่มีสิทธิ์ในการเข้าร่วมโต๊ะเจรจา
-
องค์กรสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม จัดเวทีหารือกับคณะทำงานแห่งสหประชาชาติด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลและภาคธุรกิจ แก้ปัญหาการละเมิดสิทธิ
กรุงเทพมหานคร, 16 กันยายน 2568 – องค์กรแอคเคาท์ทะบิลิตี้ เคาน์เซล (Accountability Counsel) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Amnesty International Thailand) กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand ) มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLaw) มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (Community Resource Centre Foundation) และคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (International Commission…
-
แถลงการณ์กรีนพีซหลังการประชุมเจรจา INC5.2 : ความล้มเหลวในการเจราจาที่เจนีวาคือ สัญญาณเตือนโลก เร่งหยุดวิกฤตมลพิษพลาสติก
กรุงเจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์, 15 สิงหาคม 2568 – หลังจากการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกยืดเยื้อมานานกว่าสองปี ช่วงชั่วโมงสุดท้ายของเวทีการประชุมเจรจาที่เจนีวากลับกลายเป็นจุดตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของเหล่าคณะรัฐมนตรีและคณะผู้แทนเจรจา ว่าจะเลือกระหว่างการเดินหน้าไปสู่สนธิสัญญาที่สามารถจัดการมลพิษพลาสติกได้จริง หรือ การยอมจำนนต่อแรงกดดันจากภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
-
No Treaty Is Better Than a Bad Treaty ไม่มีดีกว่ามี หากสนธิสัญญาไม่สามารถยุติมลพิษพลาสติกได้จริง
เราขอส่งกําลังใจให้คณะผู้แทนเจรจาประเทศไทย ยืนหยัดปฏิเสธสนธิสัญญาที่
-
กรีนพีซ ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทาสีถนนในเจนีวาเป็นสีดำเพื่อสะท้อนอิทธิพลของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่ครอบงำการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลก พร้อมเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติตัดสิทธิผู้แทนจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ให้มีส่วนร่วมในกระบวนการเจรจา
กรุงเจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์, 7 สิงหาคม 2568 – ในระหว่างการประชุมรอบสุดท้ายของการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่กรุงเจนีวา นักกิจกรรมของกรีนพีซได้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยสร้างร่องรอยคราบน้ำมันสีดำ และกางป้ายขนาดใหญ่บริเวณทางเข้าจัตุรัสแห่งสหประชาชาติเพลซ เดส์ นาชง (Place des Nations) เพื่อเรียกร้องให้ยุติอิทธิพลที่ไม่เหมาะสมของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลในการเจรจา การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามจากกลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ต้องการจะกีดกั้นไม่ให้มีการกำหนดมาตรการลดการผลิตพลาสติกซึ่งเป็นข้อตกลงสำคัญของสนธิสัญญาพลาสติกใหม่นี้








