กรีนพีซ ประเทศไทย แสดงจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสิทธิในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม และยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ สากล และกรีนพีซ สหรัฐฯ  หลังจากมีคำตัดสินคดี SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพยายามของภาคธุรกิจหรือผู้มีอำนาจในการปิดปากนักเคลื่อนไหวและองค์กรภาคประชาชนผ่านกระบวนการทางกฎหมาย

We Will Not Be Silenced: เราจะไม่ยอมให้ใครปิดปาก!

อาสาสมัคร และนักกิจกรรมรณรงค์จากกรีนพีซ ประเทศไทย ถือป้ายข้อความ WE WILL NOT BE SILENCED, STOP BIG OIL BULLIES และ ยืนหยัดเพื่อเสรีภาพในการแสดงออก ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สัญลักษณ์ของเสรีภาพและสิทธิในการแสดงออก © Chutiphon Phisitthanadun/Greenpeace

อาสาสมัคร และนักกิจกรรมรณรงค์จากกรีนพีซ ประเทศไทยรวมตัวกันตามสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับขบวนการด้านความยุติธรรมทางสภาพภูมิอากาศทั่วโลก โดยถือป้ายที่มีข้อความว่า “We will not be silenced” และ “STOP BIG OIL BULLIES” เพื่อเรียกร้องให้ยุติการใช้กลวิธีข่มขู่จากบริษัทฟอสซิลอย่าง Energy Transfer ที่พยายามข่มขู่ทั้งนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม นักข่าว และทุกคนที่กล้ายืนหยัดพูดความจริงกับอำนาจ

การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ กรีนพีซสากล และกรีนพีซในสหรัฐอเมริกา (Greenpeace Inc, Greenpeace Fund) กำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องที่ไม่มีมูลจากบริษัทเอนเนอร์จี ทรานสเฟอร์ (Energy Transfer) โดยที่คณะลูกขุนจากมณฑลมอร์ตัน ตัดสินให้องค์กรต้องชดใช้ค่าเสียหายมากกว่า 660 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ มากกว่า 22,000 ล้านบาท คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กดดันเพื่อปิดปากผู้ที่ยืนหยัดเพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ

ยืนหยัดเพื่อเสรีภาพในการแสดงออก

อาสาสมัคร และนักกิจกรรมรณรงค์จากกรีนพีซ ประเทศไทย ถือป้ายข้อความ WE WILL NOT BE SILENCED, STOP BIG OIL BULLIES และ ยืนหยัดเพื่อเสรีภาพในการแสดงออก ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สัญลักษณ์ของเสรีภาพและสิทธิในการแสดงออก © Chutiphon Phisitthanadun/Greenpeace

กรีนพีซ ประเทศไทยยังคงเดินหน้าอย่างมีความหวังในการยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศในการปกป้องสิ่งแวดล้อมต่อไปและเราจะไม่ยอมถูกทำให้เงียบเพียงเพราะเราต้องการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เราหวังว่าวัฒนธรรมการฟ้องปิดปากจะไม่เกิดขึ้นอีกและต้องสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าการพูดเพื่อประโยชน์สาธารณะต้องไม่ถูกใช้กฎหมายปิดปาก หรือ SLAPP ในขณะเดียวกันต้องมีกฎหมายคุ้มครององค์กรภาคประชาสังคม นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

อาสาสมัคร และนักกิจกรรมรณรงค์จากกรีนพีซ ประเทศไทย ถือป้ายข้อความ WE WILL NOT BE SILENCED, STOP BIG OIL BULLIES และ ยืนหยัดเพื่อเสรีภาพในการแสดงออก ที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าเรือวัดโพธิ์ มองเห็นพระปรางค์วัดอรุณ อยู่ด้านหลัง © Chutiphon Phisitthanadun/Greenpeace

นี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ของกรีนพีซ แต่คือการต่อสู้ของพวกเราทุกคนทั่วโลก เราขอเรียกร้องให้บรรษัทน้ำมันและก๊าซฟอสซิลยุติการคุกคามนักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อม และหยุดใช้กฎหมายโจมตีสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงอย่างสันติของประชาชน ในโลกที่เรากำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่การฟ้องปิดปาก แต่เป็นการรับฟัง ภาคธุรกิจต้องปฎิบัติตามหลักการชี้เเนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนในการเคารพสิทธิมนุษยชนและมีความรับผิดรับชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และมีกลไกให้ประชาชนมีสิทธิในการตั้งคำถามต่อประโยชน์สาธารณะอันรวมถึงสิทธิในการปกป้องบ้านเกิดของตัวเอง

#WeWillNotBeSilenced


ยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ เพื่อสิทธิในการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง

กรีนพีซ ประเทศไทย แสดงจุดยืนปกป้องสิทธิการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ยืนหยัดเคียงข้างกรีนพีซ สากล และกรีนพีซ สหรัฐฯ  หลังจากมีคำตัดสินคดี SLAPP ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งภาคธุรกิจหรือผู้มีอำนาจพยายามปิดปากนักเคลื่อนไหวและองค์กรภาคประชาชนผ่านกระบวนการทางกฎหมาย