ปัจจุบัน มลพิษพลาสติกเกิดเป็นปัญหาทั่วโลก โดยจุดเริ่มต้นของพลาสติกเหล่านี้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่อันตราย และสุดท้ายก็กลายเป็นขยะตามชายหาด ทะเล ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรา หรือแม้กระทั่งไปตกค้างไกลถึงทวีปแอนตาร์กติก ทั้งหมดเกิดจากวัฒนธรรมใช้แล้วทิ้งของอุตสาหกรรมซึ่งวัฒนธรรมดังกล่าวกลายเป็นภัยคุกคามใหม่ของโลก มันเป็นภัยต่อสัตว์ต่างๆ เช่น เต่าทะเล นกทะเล และมีความเป็นไปได้สูงที่จะกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์เรา 

เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อวิกฤตสิ่งแวดล้อมโลกที่มนุษย์ได้ก่อขึ้น ทำให้เกิดกระแส #ปฏิวัติการใช้ซ้ำ #ReuseRevolution ซึ่งจะเป็นทางออกและเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยเน้นไปที่วิธีการใช้บรรจุภัณฑ์ซ้ำ และในตอนนี้ก็มีกลุ่มคน กลุ่มธุรกิจที่ห่วงใยในเรื่องของขยะพลาสติก และรัฐบาลท้องถิ่น เริ่มนำวิธีนี้มาเป็นแนวทางในการใช้ซ้ำ และลดใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางเมืองมีนโยบายจัดการให้เป็นเมืองปลอดขยะ (Zero-waste Cities) 

เริ่มมีการปรับเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี เช่น ตามสนามบิน หรือสถานที่สาธารณะก็มีตู้กดน้ำไว้บริการ หรือมีส่วนลดจากห้างสรรพสินค้าสำหรับลูกค้าที่นำถุงผ้ามาเอง รวมทั้งส่วนลดสำหรับลูกค้าที่นำแก้วมาใส่เครื่องดื่มเองตามร้านกาแฟ รูปแบบการชอปปิงปลอดขยะและบรรจุภัณฑ์ปลอดพลาสติกผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วโลกและกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา

Plastic-Free Shopping Practices in Mangwon Market, Seoul. © Jung Park / Greenpeace

มีตลาดทางเลือกที่ให้ผู้คนนำภาชนะของตัวเองมาจับจ่ายใช้สอย ซื้ออาหารสด เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก

เราอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่การปฏิวัติการใช้ซ้ำกำลังดำเนินต่อไป และเราก็คือส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมนี้ การปฏิวัตินี้ดำเนินไปเรื่อยๆในเวลาที่เราไปชอปปิงในห้างร้านที่มีผลิตภัณฑ์ปลอดบรรจุภัณฑ์พลาสติก เราได้มีส่วนร่วมแล้วในเวลาที่เราพกกระบอกน้ำใช้ซ้ำ หรือแม้กระทั่งในเวลาที่เราพกถุงผ้าไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาด พวกเรากำลังปฏิวัติการใช้ซ้ำในทุกๆครั้งที่เราเลือกที่จะใช้บรรจุภัณฑ์ใช้ซ้ำทดแทนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพียงแค่การลงชื่อบอกให้บริษัทปรับเปลี่ยนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง คุณก็มีส่วนช่วยให้การปฏิวัตินี้ดำเนินต่อไปได้ ทุกๆการกระทำที่เรากล่าวมา จะทำให้เรามีอำนาจมากพอที่จะต่อรองกับบริษัทใหญ่ให้ยุติการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งได้

Infographic #ReuseRevolution

ด้วยแรงผลักดันจากผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกที่มีใจอยากลดขยะพลาสติกทำให้บริษัทหลายบริษัทเข้าใจว่าพวกเขากำลังเป็นผู้ก่อกำเนิดมลพิษพลาสติกเหล่านี้ บริษัทบางกลุ่มได้ให้คำมั่นสัญญาว่าพวกเขาจะช่วยแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทบางกลุ่มยังคงผลักดันวิธีการแก้ปัญหามลพิษพลาสติกที่ผิดๆ เช่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เป็นกระดาษหรือไบโอพลาสติก หรือยังคงสนับสนุนระบบรีไซเคิลที่ล้มเหลวเนื่องจากไม่สามารถรีไซเคิลขยะทั้งหมดได้จริง ยิ่งไปกว่านั้น บางบริษัทลงทุนไปกับการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการและการเผาขยะเพียงแค่เพื่อนำเสนอว่าพวกเขาจัดการขยะพลาสติกได้จริง ซึ่งแนวทางนี้จะกลายเป็นแนวทางที่ไปเพิ่มภัยคุกคามให้กับสิ่งแวดล้อม

บริษัทเหล่านั้นต้องหยุดวาทกรรมการรีไซเคิลซึ่งเป็นการจัดการกับปัญหาขยะพลาสติกที่ล้มเหลว เพียงเพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาดูดีได้เล้ว เพราะมีเพียงทางเดียวที่จะทำให้ธุรกิจของพวกเขาไปต่อได้ นั่นก็คือหันมายอมรับวัฒนธรรมการใช้ซ้ำ หากพวกเขายังดึงดันที่จะเชื่อในวิธีการแก้ไขปัญหาที่ล้มเหลวแบบนี้ พวกเขาก็อาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนที่ไม่ต้องการอาศัยอยู่ในวัฒนธรรมแห่งความสะดวกสบายโดยมีเบื้องหลังคือการทำร้ายโลกใบนี้

เพื่อช่วยให้กลุ่มบริษัทเหล่านี้เข้าใจถึงการแก้ไขวิกฤตขยะพลาสติกได้ดีขึ้น เราได้รวบรวมแนวทางที่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ เช่น เนสท์เล่ ได้ดำเนินแนวทางไปสู่การจัดการวิกฤตนี้ได้ดียิ่งขึ้น

เพราะเราจะไม่สามารถแก้ไขวิกฤตขยะพลาสติกนี้ได้เลยหากบริษัทเหล่านี้ไม่ลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง พวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมใช้แล้วทิ้งไปลงทุนกับการจัดการให้มีกระบวนการใช้ซ้ำให้มากขึ้นเพื่อนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนกว่าเดิม

 

เกรย์แฮม ฟอร์บส์ หัวหน้าโครงการรณรงค์ Plastic-Free-Future กรีนพีซสหรัฐอเมริกา