รู้หรือไม่ว่าการผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การผลิตเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมเพียงอย่างเดียวได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกพอ ๆ กันกับภาคการคมนาคมขนส่ง หากเราไม่ลงมือทำอะไรเลย ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากระบบอาหาร ในปี พ.ศ. 2593 อาจเพิ่มเป็นครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของการผลิตและการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมเชิงอุตสาหกรรม ยังส่งผลต่อสุขภาวะของพวกเราทั่วโลก การบริโภคเนื้อแดงมีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคเบาหวาน การปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมยังเกี่ยวข้องกับการดื้อยาปฏิชีวนะซึ่งองค์การอนามัยโลกประกาศว่าเป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพทั่วโลก” และเป็นแหล่งของเชื้อโรคร้ายแรงที่มาจากอาหาร กรีนพีซรณรงค์สนับสนุนให้เมืองต่างๆ ร่วมลดการบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมและหันมาบริโภคอาหารอุดมพืชผักมากขึ้น “ลด” เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมเชิงอุตสาหกรรม “เพิ่ม” สุขภาวะที่ดีของมนุษย์และโลก
ผู้บริโภคต้องรับรู้ที่มาของเนื้อสัตว์ที่รับประทาน
ร่วมเรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎหมายติดฉลากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทุกประเภทโดยเปิดเผยถึงข้อมูลการเลี้ยงสัตว์ ที่มาอาหารสัตว์ว่าเชื่อมโยงกับการทำลายป่าและก่อหมอกควันพิษหรือไม่ รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ และการตกค้างในเนื้อสัตว์
ร่วมลงชื่อผลกระทบจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์
ระบบอาหารของมนุษย์เรากำลังเปลี่ยนไปจากเดิม จากการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในเชิงกสิกรรมกลายเป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม ระบบอาหารแบบนี้บังคับให้เราเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อทำการเกษตร และยังเป็นระบบที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1 ใน 4 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งหมด
อ่านเพิ่มเติมLess Meat More Veggies ลดเนื้อสัตว์ เพิ่มผักในมื้ออาหาร
สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นจะบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกายและช่วยให้เรามีชีวิตที่ดี แต่การเลือกกินที่ไม่ดีอาจทำให้เราป่วยหนักได้ ซึ่งชนิดและปริมาณของอาหารที่เรากินและวิธีการเพาะปลูกอาหารแต่ละชนิดนั้นยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการอยู่รอดของโลกเราด้วย การบริโภคแต่เนื้อสัตว์หรือบริโภคในปริมาณมากเกินความพอดีอาจก่อโรคร้ายให้กับเราโดยไม่รู้ตัว
อ่านเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงความล้มเหลวของระบบอุตสาหกรรมอาหาร สู่วิถีเกษตรกรรมยั่งยืน
เกษตรกรรมเชิงนิเวศ เพื่อสุขภาพของเราและโลก
อ่านเพิ่มเติมข้อเสนอของกรีนพีซ
ภาครัฐสามารถยุตินโยบายที่สนับสนุนเนื้อสัตว์ เปิดเผยที่มาของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และช่วยให้เกษตรกรเปลี่ยนไปสู่การทำเกษตรกรรมเชิงนิเวศ เพื่อสุขภาวะของโลกที่ดีขึ้น
อ่านเพิ่มเติมระบบอาหารของมนุษย์เรากำลังเปลี่ยนไปจากเดิม จากการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในเชิงกสิกรรมกลายเป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม ระบบอาหารแบบนี้บังคับให้เราเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อทำการเกษตร และยังเป็นระบบที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1 ใน 4 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งหมด
สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นจะบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกายและช่วยให้เรามีชีวิตที่ดี แต่การเลือกกินที่ไม่ดีอาจทำให้เราป่วยหนักได้ ซึ่งชนิดและปริมาณของอาหารที่เรากินและวิธีการเพาะปลูกอาหารแต่ละชนิดนั้นยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการอยู่รอดของโลกเราด้วย การบริโภคแต่เนื้อสัตว์หรือบริโภคในปริมาณมากเกินความพอดีอาจก่อโรคร้ายให้กับเราโดยไม่รู้ตัว
เกษตรกรรมเชิงนิเวศ เพื่อสุขภาพของเราและโลก
ภาครัฐสามารถยุตินโยบายที่สนับสนุนเนื้อสัตว์ เปิดเผยที่มาของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และช่วยให้เกษตรกรเปลี่ยนไปสู่การทำเกษตรกรรมเชิงนิเวศ เพื่อสุขภาวะของโลกที่ดีขึ้น
ปฏิวัติระบบอาหารเริ่มได้ที่จานของเรา
-

รายงานล่าสุดเผย แอมะซอน มีมลพิษทางอากาศรุนแรงกว่าหลายมหานครทั่วโลก
มาเนาส์, บราซิล, 4 พฤศจิกายน 2568 – รายงานล่าสุดของกรีนพีซ สากล เปิดเผยว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ใจกลางผืนป่าแอมะซอนกำลังเผชิญกับมลพิษทางอากาศรุนแรงกว่าผู้คนในมหานครอย่างเซาเปาโล ปักกิ่ง หรือแม้แต่ลอนดอน โดยสาเหตุหลักมาจากไฟป่าที่ถูกจุดขึ้นโดยเจตนา เพื่อเคลียร์พื้นที่ป่าทำปศุสัตว์ และเผาปรับสภาพทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์[1]
-

ท้องถิ่นภาคเหนือรวมตัว ชวนคิดข้อเสนอนโยบายในงาน People’s Policy Hub อดบ่ไหว แก้ไขสักกำเต๊อะ : คนเหนือชวนคิดนโยบายแก้ฝุ่นพิษ PM2.5
กรีนพีซ ประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ และสภาลมหายใจเชียงใหม่ พร้อมกับพี่น้องประชาชนภาคเหนือ นักวิชาการ นักกฎหมาย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมนำเสนอและแชร์ไอเดียเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษข้ามพรมแดน รวบรวมเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายจากประชาชนต่อพรรคการเมืองและผู้ที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย ให้แก้ไขวิกฤตนี้ในภาคเหนืออย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
-

มองน้ำท่วมในมุม Climate Injustice เมื่อกลุ่มคนที่ปล่อยคาร์บอนน้อยสุดต้องรับแบกรับผลจากภัยพิบัติจากโลกเดือดมากที่สุด
ข้อถกเถียงสำคัญที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่มและโคลนที่ตามมาจากมวลน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ภูเขา ในสายตาของสังคมพุ่งไปยังชุมชนคนกับป่าที่อาศัยอยู่บนดอยว่าเป็นต้นเหตุของการทำลายป่า อย่างไรก็ตาม สภาพภูมิอากาศสุดขั้วที่ทำให้หลายพื้นที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับพายุรุนแรงและน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้มีที่มาเพียงแค่การหายไปของพื้นที่ป่าไม้ แต่ยังเป็นผลของการก่อก๊าซเรือนกระจกมหาศาลและอย่างยาวนานของอุตสาหกรรมหลายภาคส่วน
Hazibition : นิทรรศการใต้ฝุ่น เปิดต้นตอปัญหาฝุ่นควัน
