All articles
-
ความท้ายทายในวิกฤตโลกเดือด : ครบรอบ 5 ปี การต่อสู้คัดค้านโครงการเหมืองถ่านหินอมก๋อย
กลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังอมก๋อย จัดงาน “โลกเย็นที่เป็นธรรม: 5 ปีแห่งการต่อสู้ของคนอมก๋อย สู่ความท้าทายในวิกฤตโลกเดือด” ที่คริสตจักรกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ นำเสนอความท้าทายที่ชุมชนชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นวาทกรรมตีตราในวิถีชีวิตและการโยนความผิดให้ชนเผ่าพื้นเมืองว่าเป็นผู้ก่อวิกฤตโลกเดือด
-
โครงการเหมืองใต้ทะเลลึกสะดุด รัฐบาลนอร์เวย์ไม่ออกใบอนุญาต
หลังจากการกดดันจากเหล่านักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และชุมชนจากทั่วโลกอย่างหนักมาหลายปี ในที่สุดรัฐบาลนอร์เวย์ก็ลงมติยุติการออกใบอนุญาตรอบแรกสำหรับโครงการเหมืองทะเลลึกในน่านน้ำอาร์กติก
-
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป : การเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกระดับโลกยังไม่ได้ข้อสรุป
การประชุมครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC5) เพื่อผลักดันสนธิสัญญาพลาสติกระดับโลกสิ้นสุดลงในวันนี้ โดยมีมติเพื่อจัดการเจรจาครั้งสุดท้ายอีกครั้งเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
-
กรีนพีซส่งสาร “โลกกำลังจับตามอง” ถึงผู้นำประเทศในการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลก
25 พฤศจิกายน 2024, ปูซาน, เกาหลีใต้ – ธงขนาดใหญ่ ที่มีรูปถ่ายหลายพันภาพจากผู้คนทั่วโลกรวมกันเป็นภาพดวงตา ถูกคลี่ออกจากเครนสูง 10 ชั้น ในช่วงที่ตัวแทนรัฐบาลจากทั่วโลกกำลังรวมตัวกันเพื่อประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC 5) ครั้งที่ 5 และเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลก
-
COP29 จบลงด้วยเป้าหมายการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศที่อ่อนแอ
การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP29) สิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายทางการเงินในกองทุนด้านสภาพภูมิอากาศที่ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างต่ำ
-
ผลการวิเคราะห์ชี้ การเก็บภาษีจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ จะช่วยเพิ่มเงินทุนให้กองทุนเพื่อการชดเชยค่าความสูญเสียและความเสียหายจากวิฤตสภาพภูมิอากาศได้มากกว่า 2,000%
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของกรีนพีซ สากล และ Stamp Out Poverty แสดงให้เห็นว่าการเก็บภาษีเพียงเล็กน้อยจากบริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่สุดเพียง 7 แห่ง สามารถทำให้กองทุนเพื่อการชดเชยค่าความสูญเสียและความเสียหายขององค์การสหประชาชาติเติบโตขึ้นมากว่า 2,000 %
-
วิจัยเผย อุตสาหกรรมผลิตพลาสติกในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นตัวการใหญ่ของวิกฤตพลาสติกและวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก
งานวิจัยชิ้นใหม่โดยกรีนพีซ เอเชียตะวันออก ระบุว่า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดวิกฤตมลพิษพลาสติกและการปล่อยคาร์บอน โดยกำลังการผลิตพอลิเมอร์พลาสติกปฐมภูมิ (primary plastic polymer) จากทั้งสามประเทศรวมกันมีปริมาณมากถึง 41.99 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 99.93 เมกะตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e)
-
ผลการวิจัยล่าสุดเผย การผลิตพลาสติกในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน มีส่วนทำให้วิกฤตมลพิษพลาสติกและวิกฤตสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น
รายงานวิจัยฉบับใหม่โดย กรีนพีซ เอเชียตะวันออก เปิดโปงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่กำลังเป็นตัวการก่อมลพิษพลาสติกและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยรวมศักยภาพในการผลิตพลาสติกพอลิเมอร์ขั้นต้นจากทั้งสามตลาดได้ในปริมาณสูงถึง 41.99 ล้านตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂e) ถึง 99.93 เมกะตัน
-
หากขาดเจตจำนงทางการเมืองจะทำให้การกู้วิกฤตโลกเดือดใน COP29 ช้ากว่าเดิม แต่เรายังมีความหวังในการฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศ
เพราะความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้การเจรจาครั้งนี้เป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญจริง ๆ คือเจตจำนงทางการเมืองในบากู การเจรจาที่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยยังไม่พอต่อการบรรเทาทุกข์ของชุมชนและผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
-
จดหมายเปิดผนึกต่อยุทธศาสตร์ฟ้าใส (Clear Sky Strategy) ในการต่อกรกับฝุ่นพิษข้ามพรมแดน
จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลไทย เรียกร้องให้ใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับที่โปร่งใสและเปิดเผยต่อสาธารณะในการต่อกรกับฝุ่นพิษข้ามพรมแดน