เมื่อไม่นานมานี้เองที่ผมได้เรียนรู้คำศัพท์คำใหม่ ‘permacrisis’ ที่แปลว่าวิกฤตการณ์ความไม่มั่นคงและไร้เสถียรภาพยาวนาน หรือแนวคิดว่าได้ปัญหาที่ไร้ทางออกที่โลกกำลังเผชิญตอนนี้ ซึ่งผมเพิ่งจะเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า ‘polycrisis’ หรือวิกฤตการณ์จากหลายปัญหาที่ถาโถมเข้ามาซึ่งเป็นปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศ วิกฤตเศรษฐกิจ สงครามหรือความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ และวิกฤตด้านความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ท่ามกลางความสิ้นหวังเหล่านี้ เรายังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง
แม้ว่าจะต้องเผชิญหลากปัญหา แต่เรายังมีหวัง
กรีนพีซ นอร์ดิกเพิ่งเผยแพร่รายงาน ชะลอโลกเดือด: การยุติภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศด้วยอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และนม ที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถชะลอภาวะโลกเดือดได้ โดยรายงานนำเสนอโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะกู้วิกฤตโลกเดือดที่สามารถช่วยสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อมและมนุษย์ได้อีกหลายล้านชีวิต แน่นอนว่าหนึ่งในการแก้ปัญหาจะต้องเป็นการเลิกใช้พลังงานฟอสซิล แต่นอกจากนี้เรายังมีอีกหนทางที่ช่วยได้นั่นคือเราต้องกดดันให้ผู้ที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายควบคุมการปล่อยก๊าซมีเทนจากบริษัทอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม และส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการผลิตอาหารจากเดิมให้ยั่งยืนกว่านี้
ถึงเวลาจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์
อ่านต่อก๊าซมีเทน โอกาสท่ามกลางวิกฤต
ก๊าซมีเทนคือหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีคุณสมบัติทำให้โลกร้อนเร็วกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) ถึง 80 เท่าในเวลา 20 ปี ขณะนี้การปล่อยก๊าซมีเทนพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นตัวการก่อความเสียหายต่อสภาพภูมิอากาศอย่างใหญ่หลวง โดยการทำปศุสัตว์เพื่อส่งสัตว์เข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์ถือเป็นการปล่อยมีเทนโดยกิจกรรมของมนุษย์ในปริมาณที่มากที่สุด แต่ท่ามกลางวิกฤตก๊าซมีเทนนี้ เรายังพอมีทางชะลอภาวะโลกเดือดอยู่บ้าง เพราะก๊าซเรือนกระจกอย่างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แม้จะมีคุณสมบัติเบากว่า ทำให้ลอยฟุ้งอยู่ในชั้นบรรยากาศ ได้นานถึงหลายร้อยปี แต่ก๊าซมีเทนที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกของเราสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าก๊าซชนิดอื่น ๆ จะมีอายุอยู่ในชั้นบรรยากาศเพียง 12 ปี (หากไม่มีการปล่อยมีเทนเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ) ดังนั้น หากเราหยุดการปล่อยก๊าซมีเทนเพิ่ม ก็จะสามารถช่วยให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่สูงขึ้นมากกว่านี้
ก๊าซมีเทนจะช่วยให้โลกเย็นลงได้จริงหรือไม่?
รายงานฉบับนี้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจแต่ก็ทำให้ใจชื้นได้เช่นกัน ข้อมูลระบุว่า หากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมยังคงเดินหน้าไปตามกระบวนการอย่างเช่นในปัจจุบัน และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงบริโภคอย่างล้นเกินไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้การปล่อยก๊าซจากอุตสาหกรรมดังกล่าวสามารถเร่งภาวะโลกเดือดให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงขึ้นถึง 0.32 องศาเซลเซียส ภายในกลางศตวรรษนี้
ตรงกันข้าม หากเราตัดการผลิตเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมลงจากเดิมครึ่งหนึ่ง เราจะสามารถชะลอไม่ให้โลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นได้ (โลกจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นเพียง 0.12 องศาเซลเซียส) เนื่องจากก๊าซมีเทนที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศจะหายไป ข้อมูลนี้จึงทำให้ผมมีความหวัง โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่เราต้องรับข้อมูลที่เป็นข่าวร้ายในทุก ๆ วัน เพราะนั่นหมายถึงจะมีประชากรโลกมากกว่า 410 ล้านคนทั่วโลก ที่รอดพ้นจากผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่าง คลื่นความร้อน หรือภัยน้ำท่วมฉับพลันภายในศตวรรษนี้
อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์กำลังปฎิเสธที่จะช่วยโลก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมยังคงไม่ปรับตัวและเปลี่ยนแปลง แต่ยังคงผลักภาระให้กับเกษตรกรรายย่อยและผู้บริโภค โดยใช้เงินเป็นแรงกดดันเกษตรกรและผลิตข้อมูลที่ทำให้ผู้บริโภคสับสน และที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้น บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ยังล็อบบี้นักการเมืองอยู่เป็นประจำ เพราะจะหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงหรือต้องการเลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองต้องทำออกไป อย่างการลดการปล่อยก๊าซมีเทนในอุตสาหกรรมตนเองนั่นเอง ตอนนี้นักกิจกรรมกรีนพีซทั่วโลกกำลังเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายต้องควบคุมบริษัทอุตสาหกรรมเหล่านี้ในการลดการปล่อยก๊าซมีเทน และทำให้ประชาชนรู้จักผลกระทบของก๊าซมีเทนมากขึ้น
แรงสนับสนุนของคุณช่วยลดภาวะโลกเดือดได้
คุณอาจไม่จำเป็นต้องเป็นนักกิจกรรมกรีนพีซเพื่อเรียกร้องผู้นำ แต่คุณสามารถช่วยให้อุตสาหกรรมเหล่านี้หยุดปล่อยก๊าซมีเทนและเรียกร้องเพื่อลดภาวะโลกเดือดได้ ร่วมแชร์ ร่วมส่งต่อเรื่องราวนี้กับเพื่อนและคนที่เรารัก และร่วมจับตารัฐบาลที่จะเดินทางไปร่วมประชุมการเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศโลก COP29 ที่อาเซอร์ไบจาน ว่ารัฐบาลจะทำงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต้นเหตุหรือยังคงเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้และใช้วิธีการฟอกเขียวซึ่งไม่ช่วยให้โลกของเราพ้นจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านด้านระบบการผลิตอาหาร สนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกรท้องถิ่น กินหลากหลาย และสนับสนุนให้รัฐส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นให้มีราคาที่เป็นธรรมต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
อเล็สซานโดร ซาโคซิโอ เจ้าหน้าที่ด้านแผนกลยุทธ์การรณรงค์ กรีนพีซ สากล