All articles
-
ข้อมูลหลุดชี้ชัด การนำเข้าก๊าซจากออสเตรเลีย ซ้ำเติมวิกฤตภูมิอากาศ ทำเอเชียติดกับเชื้อเพลิงฟอสซิล
รายงานได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าการส่งออกก๊าซของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียกำลังซ้ำเติมวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดของประเทศในเอเชียล่าช้า
-
เหตุใดปี 2568 จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในภาคพลังงานของจีน
ทิศทางโดยรวมของจีนนั้นชัดเจนว่า พลังงานถ่านหินกำลังตายลง ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแซงหน้าการผลิตจากพลังงานความร้อนทั้งหมด ซึ่งรวมถึงถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซฟอสซิล และแหล่งพลังงานขนาดเล็กรูปแบบอื่น ๆ
-
เมื่อ LNG ที่ถูกมองว่าสะอาด กลับกลายเป็นกับดักระบบพลังงานฟอสซิล
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ‘ก๊าซฟอสซิล’ ถูกตั้งชื่อในนามว่า “ก๊าซธรรมชาติ” เพื่อทำให้ชื่อของมันดูสะอาดและปลอดภัยแต่ความจริงแล้วเบื้องหลังภาพลักษณ์ของก๊าซชนิดนี้คือเชื้อเพลิงฟอสซิลชนิดหนึ่งถูกสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น ‘พลังงานสะอาด’ ที่จะช่วยลดการพึ่งพาถ่านหินที่ปล่อยมลพิษสูงกว่า และถูกนำเสนอในฐานะ ‘พลังงานเปลี่ยนผ่าน’ ที่จะพาโลกเข้าสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน เพื่อก้าวข้ามวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้ แต่เบื้องหลังภาพลักษณ์นั้น คือระบบพลังงานฟอสซิลที่ยังคงขยายตัว และกลายเป็น ‘กับดักฟอสซิล’ ที่ทำให้การหลุดพ้นจากเชื้อเพลิงฟอสซิลยากยิ่งกว่าเดิม
-
เราจะใช้ ‘หลักการผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย’ อย่างไร ไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือการฟอกเขียว
วงเสวนาหัวข้อ เมื่อนโยบายรัฐไม่อาจละเลย หลักผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย จากนิทรรศการ ‘โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน : 1% ก่อ 99% เจ็บ’ กรีนพีซ ประเทศไทย ชวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤตเหล่านี้มาร่วมพูดคุยกันว่าในการแก้ปัญหาเชิงระบบ เราควรไปต่ออย่างไรบ้าง
-
มหาสมุทรร้อนระอุ: ความมหัศจรรย์ใต้สมุทรของออสเตรเลียกำลังถูกคุกคาม
อุณหภูมิที่สูงขึ้นของมหาสมุทรรอบออสเตรเลียนั้นก่อให้เกิดคลื่นความร้อนทางทะเลอันสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ ตัวการสำคัญของอุณหภูมิใต้ทะเลที่สูงขึ้นนี้คือการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซฟอสซิล ความเสียหายจากหายนะทางสิ่งแวดล้อมครั้งนี้อาจมีมูลค่าสูงถึงหลายสิบล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
-
เรายังพูดอะไรได้บ้าง? ในวันที่อำนาจบริษัทปิดปากคนที่พูดเพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ (Mattet of Public Interest)
กรีนพีซ ประเทศไทย หยิบยกประเด็นเสรีภาพที่ถูกปิดกั้นนี้มาชวนทุกคนร่วมหาคำตอบเมื่อ 4 ตุลาคม 2568 ผ่านเวทีสนทนาในประเด็น ‘SLAPP กับความยุติธรรมที่หายไป (Voices on Trial: Defending the Right to Defend)’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Bangkok Climate Action Week (BKKCAW) ที่กรีนพีซต้องการสะท้อนให้เห็นถึง โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน ขณะที่ 1% ก่อ 99% เจ็บ โดยที่ 1% ของกลุ่มผู้มีอำนาจนั้น สามารถใช้อำนาจที่มิชอบผ่านกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายมาสร้างความชอบธรรมในการริดรอนสิทธิของประชาชน 99% ได้
-
ใครเจ็บ…เมื่อโลกร้อนกระทบคนไม่เท่ากัน สรุปหลังงาน 99% Talk : เรื่องจริงของคนเจ็บจากโลกเดือด
นิทรรศการ โลกร้อนไม่เท่าเทียม กระทบคนไม่เท่ากัน : 1% ก่อ 99% เจ็บ ชวนคนที่เป็นปราการด่านแรกในการรับมือกับภัยพิบัติ มาร่วมแชร์ประสบการณ์ผลกระทบที่พวกเขาพบเจอผ่านการถูกกดทับซับซ้อนในหลากหลายมิติ อาทิ เพศ เชื้อชาติ วัฒนธรรมและความจน
-
รู้ไหมว่าโลกของเราไม่ร้อนแล้ว แต่กำลัง ‘เดือด’ (ตอนที่ 2)
ตั้งแต่คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไปจนถึงโรคอุบัติใหม่ กำลังเร่งให้วิถีชีวิตนับล้านถูกทำลาย นอกจากนี้ ผลกระทบยังลุกลามไปถึงการพลัดถิ่น ความขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากร บ่อนทำลายความมั่นคงของชุมชน กรอบสิทธิมนุษยชนจึงต้องเป็นหัวใจของการแก้ปัญหา หากบรรดาผู้ก่อมลพิษยักษ์ใหญ่ของโลก (Carbon Majors) ไม่เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนของเราก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
-
รู้ไหมว่าโลกของเราไม่ร้อนแล้ว แต่กำลัง ‘เดือด’ (ตอนที่ 1)
โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและซับซ้อนขึ้นทุกวัน แต่ผลกระทบไม่ได้กระจายอย่างเท่าเทียมกัน กลุ่มคนเพียง 1% จากบรรษัทยักษ์ใหญ่ฟอสซิลเป็นผู้ก่อมลพิษ แต่คนอีก 99% ต้องรับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งคลื่นความร้อน ภัยแล้ง น้ำท่วมฉับพลัน พายุ มลพิษทางอากาศ
-
วิกฤตโลกเดือด: ทางรอดที่เริ่มต้นจากชุมชนเรา สู่อนาคตที่ยั่งยืน
วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงหัวข้อถกเถียงในเวทีประชุมระดับโลกอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นภัยคุกคามชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วทุกมุมโลก หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ยืนยันว่าแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น พร้อมความถี่และความรุนแรงของปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อน ภาวะแห้งแล้งที่ยาวนาน หรือความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำฝน สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นทวีปที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก และประชากรในพื้่นที่ที่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมถือเป็นกลุ่มเปราะบางต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด









