ถึง นักรณรงค์ทางด้านสิทธิและสิ่งแวดล้อมทุกคน เราหวังว่าในปีที่ผ่านมาจะเป็นปีแห่งความสำเร็จของพวกเรา

หากมองย้อนกลับไปในปี 2567 ที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่าเป็นปีที่โลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศร้ายแรง รวมถึงความไม่เสถียรทางการเมืองและความไม่เป็นธรรมหลาย ๆ ด้าน อย่างไรก็ตามแม้ช่วงเวลานี้จะมีความท้าทายเกิดขึ้น แต่เราก็ยังเห็นชัยชนะจากการรณรงค์และลงมือแก้ปัญหาเพื่อให้โลกของเราดีขึ้น และไม่ว่าจะเป็นหมุดหมายที่นำพาเราไปสู่ชัยชนะ หรือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเมื่อเราร่วมมือกันแสดงพลัง เราก็สามารถทำให้สิ่งที่เรารณรงค์เรียกร้องอยู่สำเร็จได้

ถึง โลก ขอบคุณที่ยังเป็นบ้านหลังใหญ่ให้กับพวกเรา

ผู้คนทั่วโลกกำลังร่วมกันหาวิธีปกป้องดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมา พวกเราจากทุกมุมโลกแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นร่วมกันในการปกป้องไม่ให้บ้านของเราวิกฤตไปมากกว่านี้ แม้ว่าการรวมพลังเพื่อรณรงค์แบบนี้จะต้องใช้เวลาและไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ แต่สิ่งที่พวกเราทำคือการสร้างพลังอันแข็งแกร่งเพื่อพิทักษ์รักษาระบบนิเวศของโลก

ถึง ประชากรบนโลก เราอยากชวนทุกคนมาร่วมยินดีให้กับบ้านหลังใหญ่ของเราและการได้มาใช้ชีวิตอยู่บนโลกแห่งนี้

นี่คือการเดินทางที่ยาวนาน ดังนั้น เราอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเหมือนกับที่พวกเรากำลังดูแลโลก แม้ว่าระหว่างทางจะมีอุปสรรคมากมายแต่ความอดทนของพวกเราที่มุ่งมั่นจะเดินต่อไปจะยิ่งทำให้เสียงเรียกร้องของเราที่ต้องการให้ผู้ก่อภาวะโลกเดือดต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียและเสียหายจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศดังขึ้น ดังนั้น ระหว่างที่พวกเราจับมือเดินไปด้วยกัน เราต้องไม่ลืมดูแลตัวเราเอง เพื่อน ๆ และชุมชนของพวกเราด้วย

ถึงทุก ๆ คน เราหวังว่าคุณจะร่วมกับเราในการเดินทางครั้งนี้เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ร่วมปกป้องโลกใบนี้ ปกป้องตัวเราเองและเพื่อนร่วมโลก

เพราะเราเชื่อมั่นและใช้ความกล้าหาญเป็นพลังให้กับเรา และนี่คือชัยชนะด้านสิทธิและสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลกในปี 2024 ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรายังคงรณรงค์เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมต่อไป

ชัยชนะจากสหราชอาณาจักร บริษัทเชลล์ (Shell) ถอนฟ้องกรีนพีซ

นักกิจกรรมถือป้ายประท้วงบริษัทเชลล์บริเวณด้านนอกศาลการเดินเรืออังกฤษ (the English Admirality Court) ที่ลอนดอน © David Mirzoeff / Greenpeace

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เชลล์ฟ้องกรีนพีซ สหราชอาณาจักร และกรีนพีซ สากล มูลค่าหลายล้านเหรียญหลังการประท้วงอย่างสันติ แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับเราก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการฟ้องคดีเพื่อปิดปากไม่ได้ผลกับเรา ซึ่งตอนนี้เชลล์ถอนฟ้องคดีและตกลงที่จะไกล่เกลี่ยกับกรีนพีซ สากล และกรีนพีซสหราชอาณาจักร งานรณรงค์ครั้งนี้เราต่อสู้ร่วมกับพลังของผู้สนับสนุนอีกหลายพันคนกับบริษัทอุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่

แม้การต่อสู้ด้านคดีความครั้งนี้จะจบลงแล้ว แต่กลยุทธ์ที่อุตสาหกรรมฟอสซิลพยายามจะขัดขวางเราไม่จบเพียงเท่านี้ กรีนพีซทั่วโลกยังคงเผชิญกับการฟ้องคดีเพื่อปิดปาก แม้ว่าสถานการณ์เช่นนี้กำลังเกิดขึ้นแต่เราจะไม่หยุดรณรงค์ให้ผู้ก่อภาวะโลกเดือดต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้คนทั่วโลกและโลกใบนี้

ชัยชนะจากนอร์เวย์ เหมืองทะเลลึกสะดุด หลังรัฐบาลนอร์เวย์ไม่ออกใบอนุญาต

นักกิจกรรมจากกรีนพีซ สากล นอร์ดิก และเยอรมนี ร่วมกันฉายข้อความเพื่อรณรงค์คัดค้านเหมืองทะเลลึก บนธารน้ำแข็ง Svea Glacier ใน Spitsbergen © Bianca Vitale / Greenpeace

ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของมหาสมุทรหลังแผนการณ์โครงการเหมืองทะเลลึกต้องหยุดชะงักลงในนอร์เวย์! หลังจากการรณรงค์กดดันอย่างหนักจากทั้งนักกิจกรรม กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ และกลุ่มชุมชนทั่วโลก รัฐบาลนอร์เวย์ลงมติยุติการออกใบอนุญาตรอบแรกสำหรับโครงการเหมืองทะเลลึกในน่านน้ำอาร์กติก

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นชัยชนะด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังการขับเคลื่อนมวลชน

ชัยชนะในอินโดนีเซีย มาตรการควบคุมมาตรฐานแรงงานประมงเริ่มปรับใช้แล้ว

ภาพกิจกรรมประท้วงเพื่อสิทธิแรงงานประมงในจาร์กาตา © Jurnasyanto Sukarno / Greenpeace

หลังจากการพูดคุย การถูกปฏิเสธ การเจรจาและการคัดค้านร่างมาตรการร่วมกันระหว่าง รัฐบาลกับตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนรวมทั้งกรีนพีซ อินโดนีเซีย และตัวแทนสหภาพแรงงานประมงผู้อพยพ ในที่สุด คณะกรรมาธิการด้านการประมงภาคตะวันตกและภาคกลางของมหาสมุทรแปซิฟิค (the Western and Central Pacific Fisheries Commission : WCPFC) ก็ประกาศนำมาตรการควบคุมและจัดการมาตรฐานสำหรับแรงงานประมง (the Conservation and Management Measures (CMM) for Crew Labor Standards) มาปรับใช้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567

คณะกรรมาธิการ ฯ ดังกล่าวมีหน้าที่จัดการทรัพยากรปลาทะเล สนับสนุนการทำประมงแบบยั่งยืนผ่านกรณีศึกษาต่าง ๆ และนำมาตรการการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ โดยการตัดสินใจครั้งนี้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของพวกเขาที่จะทำให้สวัสดิภาพของแรงงานประมงในอุตสาหกรรมดีขึ้น หลังจากการถูกละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง

มหาสมุทร : ความพยายามของบริษัทเหมืองทะเลลึกที่จะจํากัดสิทธิในการประท้วงถูกปัดตก

ภาพนักกิจกรรมประท้วงคัดค้านโครงการเหมืองทะเลลึก โดยเผชิญหน้าอย่างสันติกับเรือสำรวจทรัพยากรสำหรับเหมืองในมหาสมุทรภูมิภาคแปซิฟิค © Martin Katz / Greenpeace

ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัท เดอะเมทัล คอมพานี (The Metals Company) และกลุ่มผู้สนับสนุนโครงการเหมืองทะเลลึกพยายามปิดปากกลุ่มคนที่คัดค้านการทำโครงการเหมืองที่มีอยู่ทั่วโลก หลังจากที่ไม่สามารถขอคำสั่งห้ามเพื่อหยุดการประท้วงในทะเลได้ และไม่ประสบความสำเร็จในการล็อบบี้รัฐบาลให้จำกัดการประท้วงรอบเรือขุดเจาะเหมืองทะเลลึกต่อองค์กรพื้นทะเลระหว่างประเทศ (The International Seabed Authority : ISA) เมื่อเดือนมีนาคม ต่อมาบริษัทได้ยืนอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์กรุงอัมสเตอร์ดัมเพื่อพยายามให้ตนเองได้รับสิทธิที่จะไม่ให้กรีนพีซเข้ามาประท้วงกลางทะเลอีกในอนาคต อย่างไรก็ตามด้วยการทำงานของทีมกฎหมายของกรีนพีซ สากล เมื่อในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินคดีความนี้อีกครั้งซึ่งเป็นผลดีกับกรีนพีซ โดยยืนยันตามคำพิพากษาเดิมว่ากรีนพีซมีสิทธิประท้วงอย่างสันติในทะเล

ชัยชนะจากบราซิล ดินแดนเซาเร มุยบู (Sawré Muybu) ได้รับการกำหนดเขตอย่างเป็นทางการ

ภาพชนพื้นเมือง Munduruku ถ่ายภาพแสดงความยินดีหน้าศาลฎีกาบราซิล หลังเรียกร้องขอให้มีการกำหนดเขตแดนอย่างเป็นทางการของพื้นที่ชนพื้นเมืองเซาเร มุยบู บนแม่น้ำทาปาโฮสในลุ่มน้ำแอมะซอน ตั้งแต่พฤศจิกายน 2559 © Otávio Almeida / Greenpeace

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ดินแดนเซาเร มุยบูของชนพื้นเมืองที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำทาปาโฮส ใจกลางลุ่มแม่น้ำแอมะซอนได้รับการกำหนดขอบเขตอย่างเป็นทางการ โดยชนพื้นเมืองมันดูรูกู (The Munduruku) ต่อสู้เพื่อสิทธิในดินแดนที่เป็นของพวกเขามาเสมอ แต่ที่ผ่านมากลับถูกคุกคามจากโครงการเหมือง การตัดไม้ผิดกฎหมาย และโครงการโครงสร้างพื้นฐานมากมาย  ชัยชนะในครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์และเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่ไม่ไช่เป็นเพียงของชนพื้นเมืองมันดูรูกู แต่เป็นของกลุ่มชนพื้นเมืองทุกคนในลุ่มแม่น้ำแอมะซอนและบราซิล

ชัยชนะจากเกาหลีใต้ เมื่อศาลสูงสุดพิพากษาให้กฎหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ภาพจากงานแถลงข่าวหลังศาลรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้พิพากษาเกี่ยวกับกรณีกฎหมายด้านสภาพภูมิอากาศของเกาหลีใต้ © 기후헌법소원 공동원고인단

วันที่ 29 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้พิพากษาให้กฎหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในฐานละเมิดสิทธิประชาชน การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย! ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการรวบรวมรายชื่อโจทก์มากกว่า 200 ราย ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา รวมถึงนักกิจกรรมเยาวชนและทารก กรณีดังกล่าวถือเป็นคดีความด้านสภาพภูมิอากาศคดีแรกในเอเชียที่เจาะจงไปยังคำมั่นในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ ถือเป็นชัยชนะด้านสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่เพื่อคนรุ่นต่อไป และอาจเป็นบรรทัดฐานให้กับคดีความด้านสภาพภูมิอากาศอื่น ๆ ในภูมิภาคได้อีกด้วย

ชัยชนะของออสเตรเลีย เมื่อ Woolworths และ McDonald’s ให้คำสัญญาว่าจะไม่ทำลายผืนป่า

ภาพซากต้นไม้จำนวนมากกำลังเน่าเปื่อยและถูกไฟไหม้ หลังจากเหตุการณ์การทำลายผืนป่าในควีนส์แลนด์ โดยรัฐควีนส์แลนด์มีอัตราการทำลายป่าสูงสุดในออสเตรเลีย และการทำลายผืนป่าส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อปลูกหญ้าสำหรับเลี้ยงวัวเนื้อในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ © Paul Hilton / Greenpeace

บริษัท Woolworths และ McDonald’s ในออสเตรเลียประกาศว่าพวกเขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะรับซื้อเนื้อวัวที่ไม่ได้มาจากการทำลายป่า โดย Woolworths จะทำตามคำมั่นดังกล่าวภายในปี 2568 ส่วน McDonald’s จะนำคำสัญญาไปปรับใช้ภายในปี 2573 (กรีนพีซ ออสเตรเลียแปซิฟิค จะติดตามการทำงานของ McDonald’s เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพวกเขาจะนำเนื้อวัวที่มีส่วนในการทำลายผืนป่าออกจากเมนูภายในปี 2568) เนื่องจากบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 แห่งนี้เป็นหนึ่งในจำนวนผู้จัดจำหน่ายอาหารที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียและยังเป็นผู้รับซื้อเนื้อวัวที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียอีกด้วย

ชัยชนะครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญจากพลังของผู้สนับสนุนกรีนพีซ ออสเตรเลีย แปซิฟิค ที่ร่วมกันส่งอีเมลเรียกร้องให้บริษัทใหญ่ทั้งสองแห่งหยุดรับซื้อเนื้อวัวจากการทำลายผืนป่า

ชัยชนะของโลก หลังร่างอนุสัญญาภาษีเพื่อความเป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อมมีความคืบหน้า

ภาพขบวนรณรงค์เพื่อสภาพภูมิอากาศในช่วงการประชุม COP25 ในกรุงมาดริก © Pedro Armestre / Greenpeace

หนึ่งในชัยชนะครั้งใหญ่ของโลกคือในปีที่ผ่านมาคือเรื่องอนุสัญญาภาษีที่เป็นธรรม (UN Global Tax Convention ร่างขึ้นโดยองค์การสำหประชาชาติ) หลังจากการเจรจามาอย่างยาวนาน ในที่สุด ร่างแผนดำเนินการอนุสัญญาสัญญาภาษีที่เป็นธรรม (UN Tax Convention) ก็ได้รับการโหวตเห็นชอบ ซึ่งร่างแผนดังกล่าวจะนำไปสู่ระบบภาษีโลกที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพในเดือนสิงหาคม โดยระบบภาษีดังกล่าวจะเปลี่ยนอำนาจต่อรองจาก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ร่ำรวยให้มาอยู่ที่องค์การสหประชาชาติ โดยที่ทุกประเทศมีสิทธิ์ลงคะแนนและช่วยให้รัฐบาลทั่วโลกได้รับเงินคืนจากการเลี่ยงภาษีของบรรษัทข้ามชาติและกลุ่มคนร่ำรวยรวมแล้วกว่าหลายพันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามในระหว่างทางยังต้องมีการดำเนินการอีกมากเพื่อรักษาแรงกดดันที่เกิดขึ้นไปจนถึงการเจรจาที่จะเกิดขึ้นต่อภายในปี 2570

ชัยชนะจากแอฟริกาใต้เชลล์แพ้อุทธรณ์ในคดีที่ถูกระงับแผนการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซ

สมาชิกชุมชนชายฝั่ง Wild Coast  และภาคีเครือข่ายจากแอฟริกาใต้ ประท้วงบริษัทเชลล์บริเวณหน้าศาลอุทธรณ์ © Natanya Harrington / Greenpeace

ความพ่ายแพ้ของอุตสาหกรรมน้ำมันเกิดขึ้นอีกครั้งในแอฟริกาใต้ หลังจากการประท้วงของชุมชนชายฝั่งและชาวประมง หลังจากศาลตัดสินให้เชลล์ไม่ได้รับการอุทธรณ์ในคดีสำคัญเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา โดยตัดสินระงับแผนการของบริษัทที่จะสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซในอ่าว Wild Coast แอฟริกาใต้ โดยศาลให้ความเห็นว่า เชลล์ล้มเหลวในการแจ้งข้อมูลหรือให้คำปรึกษากับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและผลกระทบอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม 

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุดเนื่องจากศาลยังคงเปิดโอกาสให้เชลล์ยื่นคำร้องการต่ออายุสิทธิในการสำรวจ กรีนพีซแอฟริการ่วมกับภาคีเครือข่ายและชุมชนชายฝั่งยังคงมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อหยุดบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่จากการแสวงหาทรัพยากรโลกเพื่อผลกำไรส่วนตัวต่อไป

ชัยชนะจากปาปัว เมื่อสิทธิในที่ดินกลับคืนสู่ชนพื้นเมือง

ชนพื้นเมือง Knasaimos ซึ่งมีพื้นที่อาศัยอยู่ในจังหวัดปาปัวตะวันตกเฉียงใต้ของอินโดนีเซีย ต่อสู้ร่วมหลายปีเพื่อปกป้องพื้นที่จากการแสวงหาผลประโยชน์ © Jurnasyanto Sukarno / Greenpeace

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ชนพื้นเมืองในปาปัวราว 4,000 คน ได้รับการรับรองสิทธิทางกฎหมายในพื้นที่ป่าฝนเขตร้อน 97,411 เฮกตาร์ ในเขตปกครองโซรองใต้ (South Sorong Regency) โดยพื้นที่ดังกล่าวที่ชนพื้นเมือง Knasaimos Peoples ได้รับสิทธิในการครองครองมีขนาดเท่า ๆ กับฮ่องกง

ปัจจุบันพื้นที่ป่า Tanah Papua (พื้นที่ครึ่งหนึ่งในทางตะวันตกของนิวกินี เป็นที่รู้จักในชื่อเวสต์ปาปัว) ชนพื้นเมือง Knasaimos Peoples ต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินจากการแสวงหาผลกำไรจากบริษัทอุตสาหกรรมตัดไม้นอกพื้นที่มาหลายสิบปี คำตัดสินในครั้งนี้สร้างความชอบธรรมให้กับพวกเขาที่จะมีสิทธิในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งดิน ผืนป่า แม่น้ำ และทรัพยากรทางธรรมชาติที่เป็นมรดกสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ

ชัยชนะของมหาสมุทรโลก เมื่อศาลด้านมหาสมุทรโลกพิพากษาให้มหาสมุทรต้องได้รับการปกป้อง

นักกิจกรรมกางแบนเนอร์ที่มีข้อความว่า ‘ปกป้องมหาสมุทรของเรา’ โดยถ่ายภาพร่วมเฟรมกับเต่าทะเลที่ว่ายน้ำอยู่ใกล ๆ กับเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ขณะที่กำลังสำรวจเมือง Exmouth ทางตะวันตกของออสเตรเลีย © Harriet Spark / Grumpy Turtle Film / Greenpeace

ถือเป็นการตัดสินครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ (the International Tribunal for the Law of the Sea : ITLOS) ซึ่งเป็นองค์กรยุติข้อพิพาทเกี่ยวกับกฎหมายทะเล พบว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นมลพิษประเภทหนึ่งต่อมหาสมุทร และประเทศต่าง ๆ ต้องให้คำสัญญาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อประโยชน์ต่อมหาสมุทรโลก โดยคำตัดสินของศาลถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล

ชัยชนะของยุโรป หลังผ่านกฎหมายฟื้นฟูระบบนิเวศยุโรป

ภาพบรรยากาศอุทยานแห่งชาติ Hainich National Park ในรัฐทูรินเจีย ป่าต้นบีชโบราณนี้เป็นพื้นที่คุ้มครองสำหรับพืชพรรณและสัตว์ป่า © Roman Pawlowski / Greenpeace

ในที่สุด ยุโรปได้ผ่านกฎหมายฟื้นฟูระบบนิเวศของยุโรปและมีผลทันที โดยกฎหมายฉบับนี้เป็นชิ้นส่วนสำคัญของการปกป้องสิ่งแวดล้อมผ่านการบังคับใช้กฎหมายของยุโรปมาหลายสิบปี โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูและปกป้องพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งกระจายอยู่ในยุโรป กฎหมายฉบับนี้กำหนดข้อผูกพันทางกฎหมายต่อประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่จะต้องฟื้นฟูเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ป่าพรุ ประชากรนกและแมลงผสมเกสรที่ลดน้อยลง นี่เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของการขับเคลื่อนเพื่อธรรมชาติในยุโรป

ชัยชนะจากสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อกลุ่มปกป้องสภาพภูมิอากาศชนะคดีด้านสิ่งแวดล้อมครั้งประวัติศาสตร์

ภาพกลุ่มเครือข่ายสุภาพสตรีอาวุโสเพื่อสภาพภูมิอากาศในสวิตเซอร์แลนด์ (KlimaSeniorinnen) ถ่ายรูปร่วมกันบริเวณหน้าศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (the European Court of Human Rights) ในเมืองสตราสบูร์ก หลังชนะคดีการฟ้องร้องรัฐบาลหลังได้รับภัยคุกคามด้านสุขภาพจากคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้นจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ © Greenpeace / Emanuel Büchler

เครือข่ายสตรีอาวุโสเพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศสวิตเซอร์แลนด์ (The Association of Senior Women for Climate Protection Switzerland) หรือที่รู้จักกันในชื่อ KlimaSeniorinnen ดำเนินการฟ้องร้องรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ โทษฐานละเมิดสิทธิผู้สูงวัยในสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการเพิกเฉยต่อการตั้งเป้าหมายปกป้องสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อวันที่ 9 เมษายน เครือข่ายได้รับคำตัดสินจากศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECtHR) ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของประชาชนทุกวัย โดยคำตัดสินดังกล่าวกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศทั่วโลก และย้ำเตือนว่าการปกป้องสภาพภูมิอากาศเป็นสิทธิมนุษยชน

แครอไลน์ แวกเนอร์ ผู้จัดการสนับสนุนงานรณรงค์และประสานงานภูมิภาคยุโรป กรีนพีซเยอรมนี

ฟรานเชสการ์ เครสตา ผู้ช่วยคณะกรรมการบริหาร กรีนพีซอิตาลี

แทน ลี คุน บรรณาธิการคอนเทนต์ กรีนพีซ สากล

บทความนี้แปลจากต้นฉบับจากกรีนพีซ สากล อ่านบทความต้นฉบับ


กรีนพีซ ประเทศไทย ร่วมทำงานกับเครือข่ายชุมชน

เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนในหลากรูปแบบประเด็น เราส่งเสริมสันติภาพ โดยไม่รับเงินสนับสนุนจากบริษัท รัฐบาล หรือ พรรคการเมืองใด เพื่อความเป็นอิสระทางการทำงาน