ผ่านไปอีกปีแล้วกับการรณรงค์เพื่อปกป้องสิทธิทางสิ่งแวดล้อมให้กับทุก ๆ คน ในปีนี้กรีนพีซขอสวัสดีปีใหม่ค่ะ เราขอขอบคุณผู้สนับสนุนกรีนพีซทุกคนที่เป็นคนสำคัญต่อความสำเร็จในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ตลอดปีกรีนพีซรณรงค์และมีความสำเร็จอะไรบ้างมาดูกันดีกว่าค่ะ
กรีนพีซพร้อมเครือข่าย ยื่นรายชื่อเสนอร่างกฎหมาย PRTR

กรีนพีซ ประเทศไทยร่วมกับภาคีเครือข่าย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม มูลนิธิบูรณะนิเวศ และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นรายชื่อประชาชน 12,165 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ…. (ร่างกฎหมาย PRTR) ให้กับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่สัปปายะสภาสถาน และขอให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน พิจารณาผ่านร่างกฎหมาย เพื่อเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
กฎหมาย PRTR คือ สิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน (Community Right-to-Know) จะทำให้ประชาชนรู้ทั้งชนิดและปริมาณสารเคมีที่ปล่อยออกมา และยังทำให้รัฐกำกับและควบคุมการปล่อยมลพิษตั้งแต่แหล่งกำเนิด ซึ่งรวมถึงการกำหนดประเภทสารมลพิษหรือสารเคมีที่โรงงานต้องจัดทำรายงานข้อมูลโดยให้ฝุ่นละออง PM 2.5 อยู่ในบัญชีมลพิษและสารเคมีเป้าหมาย เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเหตุอุบัติภัยสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และประชาชนสามารถมีส่วนร่วมตรวจสอบ ป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้
การรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ต่อรัฐสภา เป็นหนึ่งในการรณรงค์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายระดับประเทศและถือเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับสิทธิประชาชนเพื่อให้พวกเราได้มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
ร่วมรณรงค์ยุติฝุ่นพิษข้ามพรมแดนร่วมกับเครือข่ายในภาคเหนือนำมาสู่การรวมตัวฟ้องคดี
อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐได้มีการอุทธรณ์ต่อศาลและส่งผลให้ยังไม่มีการดำเนินการตามที่ศาลสั่งอย่างเป็นรูปธรรมมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะเป็นชัยชนะของประชาชน แต่การดำเนินการของหน่วยงานรัฐหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
ผู้ว่า กทม. ประกาศผลักดัน ‘กรุงเทพมหานคร’ ให้เป็น ‘เมืองหลวงแห่งโซลาร์เซลล์’
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก กรีนพีซ เข้าพบผู้ว่าฯ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 เพื่อนำเสนอนโยบายการส่งเสริมและสนับสนุนให้อาคารสํานักงานในกรุงเทพฯ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ผลิตไฟฟ้าจากระบบโซลาร์รูฟท็อปใช้เอง จากการเล็งเห็นศักยภาพของกทม. และความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาด

กรีนพีซ จะติดตามการดำเนินงานของแผนการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพราะความสำเร็จในโครงการนี้จะเป็นต้นแบบสำคัญของเมืองพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ ให้เกิดขึ้นได้จริงในหลายพื้นที่ของไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีความมั่นคงทางพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เกิดการกระจายศูนย์พลังงานอย่างแท้จริงและเป็นธรรม ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าประสงค์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามลำดับ
กรีนพีซ ร่วมคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตคุ้มครองทางทะเลโดยชุมชน (LMMA)

ผลักดันการมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายในพื้นที่บ้านเกิด โดยอำเภอจะนะเป็นพื้นที่แรกๆ ที่พัฒนานโยบายจากล่างขึ้นบน ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของชุมชนเพื่อพัฒนาจากสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับฐานทรัพยากร ความหลากหลายทางชีวภาพ สิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชน และสิทธิในการมีส่วนร่วมในการพัฒนา
จากแคมเปญ ‘อาเซียนไม่ใช่ถังขยะโลก’ สู่การประกาศแบนนำเข้าขยะพลาสติก !
หลังการร่วมรณรงค์กับเครือข่ายหลายปี ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ออกประกาศแล้วว่าตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป กำหนดให้เศษพลาสติกภายใต้พิกัดศุลกากรประเภท 39.15 เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร หลังจากกรีนพีซและเครือข่ายร่วมผลักดันประเด็นนี้มาอย่างยาวนาน เพื่อป้องกันไทยเป็นแหล่งรองรับขยะพลาสติกจากต่างชาติ

การห้ามนำเข้าขยะพลาสติกเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยกลายเป็นแหล่งรองรับขยะพลาสติกจากต่างชาติ และป้องกันผลกระทบจากมลพิษพลาสติกภายในประเทศไม่ให้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยจะช่วยตัดวงจรอุปทานของโรงงานจัดการขยะและรีไซเคิลพลาสติกนำเข้าอันตราย นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวยังเป็นการปกป้องระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ รวมไปถึงรายได้และวิถีชีวิตของกลุ่มซาเล้งและคนเก็บขยะ
ทุกความสำเร็จของกรีนพีซจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีผู้สนับสนุนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริจาค เพื่อนๆที่ช่วยกดไลก์ กดแชร์ อาสาสมัครที่มาร่วมรณรงค์เรียกร้องกับเราในกิจกรรมตลอดปี เราขอขอบคุณอีกครั้ง และหวังว่าในปีใหม่นี้ เราจะได้ผลักดันงานรณรงค์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกเราดีขึ้นร่วมกันอีก

กรีนพีซ ประเทศไทย ร่วมทำงานกับเครือข่ายชุมชน
เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนในหลากรูปแบบประเด็น เราส่งเสริมสันติภาพ โดยไม่รับเงินสนับสนุนจากบริษัท รัฐบาล หรือ พรรคการเมืองใด เพื่อความเป็นอิสระทางการทำงาน